เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ต.ต ธีวะฤทธิ์ ธราธนกาญจน์ สว. (สอบสวน) สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในซอยรามอินทรา 75 (ซอยสันติสุข) ถนนรามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมตำรวจ สน.คันนายาว แพทย์เวร นิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุห่างจากปากซอยลึกประมาณ 20 เมตร พบศพนายพีรศิลป์ พุ่มจำปา อายุ 19 ปี นักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 2 โรงเรียนพาณิชย์การมีนบุรี สภาพศพสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์ขายาว ถูกแทงด้วยอาวุธมีด อกซ้าย 1 แห่ง นอนหายใจรวยริน ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการช่วยชีวิต แต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา ข้างกันพบรถจักรยายนต์ ยามาฮ่า รุ่นนูโว สีน้ำเงิน ไม่ติดป้ายทะเบียน โดยพบนางสาวสุพรรณษา ยางสุข อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182 รามอินทรา 65 ท่าแร้ง บางเขน กทม. นักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 2 สถาบันมีนบุรีโปลีเทคนิค ซึ่งเป็นแฟนสาวผู้ตาย นั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ พร้อมอาวุธมีดพับยาวประมาณ 4 นิ้ว จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ และควบคุมตัวนางสาวสุพรรษา สอบสวนที่ สน.คันนายาว
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทั้งสองได้ทะเลาะกันเรื่องที่ฝ่ายชายเป็นฝ่ายขอบอกเลิก แต่นางสาวสุพรรษาไม่ยอม ซึ่งเคยทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้มาแล้วครั้งหนึ่ง และฝ่ายหญิงพยายามใช้อาวุธมีดเล่มเดียวกันนี้ไล่ทำร้าย โดยวันนี้ฝ่ายชายขี่รถจักรยานยนต์ออกไปรับฝ่ายหญิงจากบ้านพัก เพื่อมารับประทานอาหาร จนมีการทะเลาะกันเรื่องนี้ ซึ่งฝ่ายชายกำลังจะเข้ามาทำร้าย ทางนางสาวสุพรรษาจึงเอามีดพับออกมาแทงสวนเข้าไปป้องกันตัว จนฝ่ายชายล้มลง เบื้องต้นทางฝ่ายหญิงยังให้ปากคำไม่ได้ เนื่องจากเอาแต่ร้องไห้กับความสูญเสีย
ด้านนางรัตนา พุ่มจำปา อายุ 53 ปี มารดาผู้ตายกล่าวพร้อมน้ำตาว่า ลูกชายเคยมาระบายให้ฟังว่า อยากจะเลิกคบกับเพื่อนหญิง เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยถูกไล่ทำร้ายด้วยอาวุธมีด เนื่องจากฝ่ายหญิงเป็นคนอารมณ์ร้อน ฉุนเฉียว อีกทั้งฝ่ายหญิงเคยมีครอบครัวมาก่อนหน้านี้ จึงทำได้เพียงบอกให้ลูกระมัดระวังตัว จนกระทั่งวันนี้ถูกทางฝ่ายหญิงทำร้ายด้วยอาวุธมีดเล่มเดิม เนื่องจากลูกชายเพิ่งจะขอเลิกลาหลังจากเพิ่งคบกันมาได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น
เบื้องต้นทางตำรวจต้องทำการสอบสวน ตลอดจนต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริง และประสานญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ก่อนทำการแจ้งข้อหาฝ่ายหญิง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
