เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นายนคร ชมพูชาติ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับ นายฮาคีม อัล อาไรบี นักฟุตบอลสัญชาติบาห์เรน ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ว่า หลักของการส่งผู้ร้ายข้ามแดนควรทำกับประเทศที่มีสนธิสัญญา ซึ่งกรณีนี้ไม่มี แต่เป็นความร่วมมือ โดยความร่วมมือนั้นต้องมีการรับรองว่าเราส่งให้คุณ คุณส่งให้เรา แต่บาห์เรนซึ่งเป็นประเทศที่มีเรื่องศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง น่าจะลำบาก โอกาสที่เขาจะส่งให้เราน้อยมาก ดังนั้น การให้ความร่วมมือกับเราจึงไม่เป็นจริง อย่างไรก็ตาม ในคำพิพากษาของบาห์เรนระบุความผิดนายฮาคีมไว้อย่างไร อัยการได้ตรวจสอบหรือไม่ รวมทั้งต้องเป็นการพิจารณาต่อหน้านายฮาคีม มิเช่นนั้นถือว่าเป็นการขัดกระบวนการยุติธรรมของไทย หากยอมรับในคำพิพากษา อัยการต้องแน่ใจว่าในการพิจารณานั้นเอ่ยถึงนายฮาคีมมากน้อยแค่ไหน มีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่
“อัยการไม่ค่อยสนใจกับข้อเท็จจริงเนื่องจากเป็นเรื่องของทางนู้น แต่นั่นหมายถึงการพิจารณาคดีเพื่อส่งตัวไปพิจารณาคดีต่อ แต่นี่คือการส่งตัวกลับไปรับโทษ หากไม่สมควรได้รับการลงโทษก็ไม่ควรส่ง ทั้งนี้ ข้อกฎหมายยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ ถ้าเป็นเรื่องการเมือง หรือกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงระหว่างประเทศก็ไม่สมควรส่ง ซึ่งหลักเกณฑ์เหล่านี้เป็นหลักเกณฑ์ของฝ่ายบริหาร นั่นคือ รัฐบาลกับกระทรวงการต่างประเทศ ต้องพิจารณาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อีกประเด็นหนึ่งคือหลักสิทธิมนุษยชน หากส่งไปตอนนี้เท่ากับขัดหลักสิทธิมนุษยชน ดังนั้นมีหลายประเด็นที่รัฐบาลสามารถพิจารณาได้ นี่เป็นเรื่อง พ.ร.บ.ข้ามแดนก็ควรพิจารณาเรื่อง พ.ร.บ.ข้ามแดน ซึ่งมีหลักการที่ต้องอาศัยบทบาทของรัฐบาลในการเข้าใจเรื่องราว เพราะกฎหมายระบุไว้ว่า สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ รัฐบาลสามารถตัดสินใจไม่ส่งได้”
นายนครกล่าวต่อว่า การแถลงของอัยการสูงสุดในวันนี้ โดยหลักการแล้ว หากเคารพศาลก็ไม่ควรโน้มน้าวอะไร แต่ที่มาแถลงก็เพราะว่าเป็นปัญหาทางการเมือง ดังนั้น ตอนนี้ต้องพิจารณาว่าเรื่องทางการเมืองเป็นอย่างไร ผลประโยชน์ของประเทศชาติคืออะไร ต้องดูในแง่นี้ ต้องดูใจรัฐบาลว่าจะทำเรื่องประเทศชาติหรือไม่
“นี่ไม่ใช่แค่ประเทศบาห์เรนหรือออสเตรเลียที่เกิดปัญหาระหว่างประเทศ แต่จะเกิดปัญหากับออสเตรเลียและอื่นๆ ทั่วโลกที่เขาไม่เห็นด้วย ถามว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะส่งตัวนายฮาคีมกลับไปเพื่ออะไร รัฐบาลต้องพิจารณาอย่างจริงจัง อย่ามาโบ้ยอย่างนั้นอย่างนี้ หากส่งตัวกลับไปแล้วผลจะเป็นอย่างไร จะยิ่งตอกย้ำว่า ขนาดเป็นอย่างนี้แล้วรัฐบาลยังจะส่งอีกหรือ เพราะสุดท้ายแล้วการจะส่งหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ทั้งนี้ เรื่องนี้เกิดจากการที่ 2 หน่วยงานไม่ประสานกัน หน่วยงานหนึ่งให้ลี้ภัยแล้ว อีกหน่วยงานหนึ่งเห็นว่าต้องคำพิพากษาซึ่งต้องส่งตัวกลับ เมื่อไทยเห็นหมายก็รีบทันที หากมีการตรวจสอบก็จะไม่เกิดแบบนี้ อย่างที่บอกว่า คุณสามารถพิจารณาก่อนยื่นคำร้องได้ ไม่ใช่หุนหันเอาแบบนี้ สุดท้ายแล้วตอนนี้ก็มีปัญหาดังที่เห็น อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่ได้พูดคุยกับนายฮาคีม แต่ให้ลูกทีมไปคุยแล้ว ที่ผ่านมาตนอ่านที่เขาสอบมาอยู่ตลอด เกิดการประชุม พูดคุย เพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือต่อไป”
