เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ด่านตรวจมลภาวะ ถนนลาดกระบัง แขวงทับยาว เขต ลาดกระบัง กรุงเทพฯ นายสมชาย ราชแก้ว หัวหน้าฝ่ายตรวจการ กองตรวจการขนส่ง กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมมลพิษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.จร. ออกตรวจควันจากท่อไอเสีย เพื่อตรวจรถยนต์ รถบรรทุก รถรับจ้างสาธารณะไม่ประจำทาง ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ที่ควันดำและยังนำมาใช้บนท้องถนน เพราะเส้นถนนลาดกระบังเป็นเส้นทางที่มีรถบรรทุกและรถส่งของใช้เยอะ รวมถึงได้มาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ผู้ตรวจการกรมการขนส่งทางบก ในการตั้งด่านตรวจจับควันดำจากท่อไอเสียที่เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหามลภาวะฝุ่นละอองในอากาศ หรือ PM2.5
นายสมชัย เปิดเผยว่า จากการตั้งด่านตรวจค่าควันดำในกลุ่มรถที่จดทะเบียนไว้กับกรมขนส่งทางบก หรือรถป้ายเหลือง ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ พบรถโดยสารไม่ประจำทาง ที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน คือ ค่าทึบแสงเกินร้อยละ 45 ขึ้นไป 1 คัน และได้ทำการพ่นสีสัญลักษณ์ห้ามใช้รถจนกว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไข พร้อมเปรียบเทียบค่าปรับผู้ประกอบการในอัตราตั้งแต่ 5,000 – 50,000บาท โดยหลังจากนี้เจ้าของรถ จะต้องนำรถไปดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง และนำไปตรวจสภาพที่กรมการขนส่งทางบก และหากผู้ขับขี่ลบสัญลักษณ์ดังกล่าวออกเอง จะถือว่ามีคำผิด ฝ่าฝืนคำสั่งผู้ตรวจการ ซึ่งจะมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ส่วนรถยนต์ส่วนบุคคลที่ควันดำเดินค่ามาตรฐาน จำนวน 10 คัน เฉพาะช่วงเช้า ทางตำรวจจราจรได้เปรียบเทียบปรับจำนวน 1,000 บาท และสั่งให้แก้ไขปรับปรุง ขณะที่วันนี้ยังมีการตั้งด่านตรวจวัดควันดำของกรมการขนส่งทั้วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ร่วมกับตำรวจจราจร อีก 13 จุด
นายสมชัยกล่าวว่า ยืนยันว่าการตรวจค่าควันดำตามด่านตรวจและโรงตรวจสภาพในกรมการขนส่ง เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ที่มีกระแสว่าทำไมค่าควันดำไม่เท่ากันนั้นเพราะค่าสันดาป และนำหนักการบรรทุกระหว่างวิ่งกับจอดอยู่กับที่ไม่เท่ากันเป็นปัจจัยทำให้ค่าควันดำไม่เท่ากัน ส่วนเกฑณ์มาตรฐานค่าควันดำ ที่ว่าห้ามเกิน ร้อยละ30 นั้น นายสมชัย เปิดเผยว่า เป็นค่าสำหรับการตักเตือน หากตรวจพบค่าควันดำเกินร้อยละ30 ก็ให้เอกสารเตือน แต่ค่ามาตราฐานสำหรับค่าควันดำตามกฎหมายกำหนดคือร้อยละ 45
