“ผมต้องลาออก เพราะมีภารกิจที่ให้ใครทำแทนไม่ได้ จะรอเกษียณแล้วค่อยไปดูแล ก็กลัวจะเสียใจภายหลัง ผมถึงดวงดาวแล้ว เพราะเลือกดาวที่อยู่ใกล้ ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุขครับ” ข้อความจาก พ.ต.อ.จเร สุปิรยะ อดีตผู้กำกับการกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ (ผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์) พร้อมภาพกำลังป้อนข้าวมารดาวัย 89 ปี ที่ส่งในกลุ่มไลน์หัวหน้าสถานีในภ.จว.สุรินทร์ เมื่อค่ำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ อำลาตำแหน่ง ผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์ และอำลาชีวิตข้าราชการตำรวจ
ข้อความนี้ถูกส่งต่อในกลุ่มไลน์ข้าราชการตำรวจ และแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง เสียงชื่นชมเซ็งแซ่ เมื่อนายตำรวจในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยระดับผู้กำกับการหน่วยสืบสวน ตัดสินใจ ถอดเครื่องแบบ ละหัวโขนเพื่อไปดูแลบุพการี
ขณะที่อีกทางหนึ่งการตัดสินใจ “ลาออก” ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มของการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในตำแหน่งระดับสารวัตร รองผู้กำกับการ ผู้กำกับการ และรองผู้บังคับการ ก็มีการตั้งคำถามว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่
มติชน สัมภาษณ์ ผู้กำกับฯจเร เจ้าของข้อความดังกล่าว ที่ขณะนี้คำสั่งให้ออกจากราชการมีผล 1 มีนาคม 2562 เป็นประชาชนเต็มขั้นแล้ว
พ.ต.อ.จเร บอกว่า รับราชการตำรวจมาตลอดชีวิต ตั้งแต่จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 37 รุ่นเดียวกับพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. รับราชการมาหลายปี อีก 2ปีก็เกษียณอายุราชการแล้ว ส่วนใหญ่ดำรงตำแหน่งในพื้นที่ใกล้บ้าน จ.สุรินทร์ อยู่ในจังหวัดใกล้เคียงในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เรื่องการลาออกนั้น ตนเปรยกับผู้บังคับบัญชามาระยะหนึ่งแล้ว แต่ตัดสินใจยื่นลาออกเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และก็มีผลเร็วมาก ในวันที่ 1 มีนาคม คือวันนี้
“เหตุผลที่ผมลาออก ตามที่แจ้งในไลน์ แม่ผมท่านแก่ชรามากแล้ว อยู่คนเดียว 2ปีก่อนท่านล้มสะโพกหัก ศีรษะแตก เลือดอาบอยู่คนเดียวในบ้าน ตั้งนานกว่าจะมีคนมาเห็น ผมไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนั้นอีก แม้ผมจะได้อยู่ที่บ้านเกิด แต่ด้วยภารกิจหน้าที่ตำรวจเยอะมาก ตำรวจยุคนี้ทำงานเยอะมาก ผมไม่สามารถดูแลแม่ได้ตลอด โอกาสได้ดูแลน้อย ครั้งนี้ผมจึงตัดสินใจลาออกไปดูแลแม่ดีกว่า ไปดูแลตอนที่ท่านยังอยู่ หากผมไม่ตัดสินใจ แล้วเกิดอะไรขึ้นผมคงเสียใจมาก”พ.ต.อ.จเร กล่าว
พ.ต.อ.จเร บอกว่า ดำรงตำแหน่งผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์ มา 3 ปี ทำงานหนักมาตลอด การลาออกไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน หรือความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ทำงานกันด้วยดีไม่มีปัญหาอะไรเลย การลาออกด้วยเรื่องของครอบครัว
อดีตผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์ เล่าอย่างเปิดใจว่า ตอนแรกก็รอดูว่าคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้จะออกมายังไง จะต้องย้ายหรือเปล่า
“ถามว่าผมจะเกษียณฯอีก2ปีผมก็ไม่อยากขึ้นเป็นรองผู้บังคับการหรอก เพราะยังไงผมก็ไปไม่ถึงตำแหน่งผู้บังคับการ แต่ก็ไม่รู้ว่าคำสั่งแต่งตั้งนี้จะออกมาอย่างไร ย้ายหรือเปล่า ผมก็คิดทบทวน ออกก่อนดีกว่า ก่อนคำสั่งออก ดีกว่ารอคำสั่งแต่งตั้งต้องย้ายไปที่ใหม่ตำแหน่งใหม่ ไปออกตอนนั้น ที่ใหม่เขาก็เดือดร้อนกัน แบบว่าผกก.มาใหม่ ออกเสียแล้ว ลูกน้องจะทำยังไง บางคนบอกผมรออีกหน่อยเดือนเมษายนขั้นเงินเดือนเพิ่มจะออกให้ผมรอ จะได้มีเงินบำนาญเยอะมาหน่อย แต่ผมตัดสินใจเพราะไม่อยากออกตอนที่คำสั่งมาแล้วเขาเดือดร้อนกัน ผมเลยยื่นลาออกไปเมื่อวันที่ 20ก.พ.ที่ผ่านมา ผมว่าไม่กระทบใครมากในเรื่องการทำงาน”
“ผมไม่ได้อกหักจากการแต่งตั้งโยกย้ายนะ และก็ไม่มีเรื่องอะไรซ่อนอยู่ ผมไม่มีอะไรแบบนั้นแต่ดันออกช่วงนี้พอดีช่วงกำลังทำคำสั่งแต่งตั้ง ผมตั้งใจลาออกไปดูแลแม่ของผม ออกในตำแหน่งผกก.สส.ในจังหวัดบ้านเกิด ผมว่ามันเป็นจังหวะเวลาที่ดีมาก ผมได้ไปใช้เวลาดูแลแม่และครอบครัวที่มีลูกสาว 3 คน”พ.ต.อ.จเร เปิดใจ
ก่อนบอกทิ้งท้ายว่า พอส่งไลน์ไปในกลุ่มแนบรูปแม่เพราะมันคือเหตุผลจริงๆไม่คิดว่าจะไปไกล จะเป็นข่าวขนาดนี้ มาคิดดูเราออกตอนนี้ในมุมตำรวจ บางทีทำให้กระทบผู้บังคับบัญชา มองไปได้หลายมุมหรือเปล่า แต่ก็ยืนยันด้วยเหตุผลเพราะแม่ของผม “ผมไม่อยากเสียใจภายหลัง”