สืบเนื่องกรณีลูกแชร์หลุดมือกว่า 200 ราย นำโดยนางสาวปองใจ ศรีแก้ว กับพวก เข้าแจ้งความกล่าวหานางวราภรณ์ เข็มนอก หรือบี กับพวก ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ประการที่เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา แจ้งความต่อ พ.ต.ต. สหภาพ จันทร์หง่อม พนักงานสอบสวนไปเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจยึดบัญชีธนาคารท้าวแชร์ 7 บัญชี มีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่อายึดเงินสดในบัญชีไว้ 20 ล้านบาท หลังจากได้รับแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ เร่งสอบปากคำผู้เสียหายต่อเนื่องกว่า 60 ปาก เป็นเวลา 11 วัน พบมีมูลค่าความเสียหายกว่า 49 ล้านบาท ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่ห้องประชุมชั้น 4 สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ พ.ต.อ.ยศวัจน์ งามสง่า ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ ได้นัดผู้เสียหายคดีแชร์หลุดมือกว่า 30 ราย พร้อมด้วยผู้สื่อข่าว แถลงความคืบหน้าการดำเนินงานของเจ้าห้าที่ตำรวจในช่วงระเวลา 11 วันที่ผ่านมา หลังจากได้รับแจ้งความไว้แล้ว โดย พ.ต.อ.ยศวัจน์ งามสง่า ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ สรุปว่า ในส่วนคดีที่ 1 ผู้กล่าวหา นางสาวปองใจ ศรีแก้ว และพวก รวม 60 คน แจ้งจับนางสาววราภรณ์ เข็มนอก หรือบี กับพวก ในห้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยพนักงานสนอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหาย รวม 60 ราย มูลค่าความเสียหาย 47,404,180 บาท และขออนุมัติศาลจังหวัดสุรินทร์ออกหมายจับ หมายจับที่ 22/2562 ลง 23 ก.พ.62 นางวราภรณ์ เข็มนอก หรือบี อายุ 24 ปี ชาว ต.ประทาย จ.นครราชสีมา
หมายจับที่ 21 /2562 ลง 23 ก.พ.62 นางสาวสุรีพร สร้อยจิตร หรือปริ๊น อายุ 22 ปี ชาว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ หมายจับที่ 40 /2562 ลง 23 ก.พ.62 นายสุรชัย เตียวเจริญโสภา หรือเม้ง ชาว ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ หมายจับที่ 32 /2562 ลง 23 ก.พ.62 นางสาวณัฐรี เปาเล้ง หรือวุ้น อายุ 24 ปี ชาว ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และหมายจับที่ 44 /2562 ลง 23 ก.พ.62 นายคงฤทธิ์ จิตสงบ หรือโย อายุ 45 ปี ชาว ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
โดยการดำเนินการคดีนางสาวสุรีพร สร้อยจิตร หรือปริ๊น จับกุมตามหมายจับ ได้เมื่อวันที่ 23 ก.พ.62 อยู่ระหว่างการฝากขัง ต่อศาลจังหวัดสุรินทร์ ครั้งที่ 1 (ศาลให้ประกันตัว) นายสุรชัย เตียวเจริญโสภา หรือเม้ง จับกุมตามหมายจับได้เมื่อวันที่ 4 มี.ค.62 อยู่ระหว่างการฝากขัง ต่อศาลจังหวัดสุรินทร์ ครั้งที่ 1 (ศาลไม่ให้ประกันตัว) นางสาวณัฐรี เปาเล้ง หรือวุ้น, นางสาวรุ่งนภา อยู่ประพัฒน์ หรืออาย, นายคงฤทธิ์ จิตสงบ หรือโย อยู่ระหว่างระหว่างการติดตามตัวตามหมายจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ สามารถตรวจยึดทรัพย์ได้ ดังนี้ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.62 ตรวจยึดทรัพย์ของนางวราภรณ์ รถยนต์ยี่ห้อเอ็มจี สีเหลือง 1 คัน ราคาประมาณ 530,000 บาท รถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ สีเทา 1 คัน ราคาประมาณ 2.3 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮาเลย์ เดวิตสัน ราคาประมาณ 1.8 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทรอัม ราคาประมาณ 400,000 บาท กระเป๋าหลุยส์วิตตองหลายใบ ราคาประมาณ 200,000 บาท เงินสด 1 ล้านบาท แผ่นทองคำ กล้องถ่ายรูป กำไลทองคำ นาฬิกา กระเป๋าชาแนล กระเป๋า MCM รถจักรยานยนต์ CPX โฉนดที่ดิน อ.ประทาย จ.นครราชสีมา รวมมูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท
วันที่ 1 มี.ค. ตรวจยึดเงินที่เบิกถอนจากธนาคารของฝ่ายนางสาวสุรีพร ตรวจยึดเงินสด 1,190,000 บาท วันที่ 3 มี.ค.62 ตรวจยึดเงินสดจากนางสาววราภรณ์ จำนวน 1.2 ล้านบาท รวมตรวจยึดเงินสดได้ 3,390,000 บาท และตรวจยึดทรัพย์สิน รวมราคาประมาณ 11,390,000 บาท อายัดบัญชีธนาคาร 29 บัญชี รวมเงินประมาณ 49 ล้านบาท
และสรุปคดีแชร์มือหลุด “กลุ่ม มือรวย P&P จงมี และจงรวย” ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวน 54 ราย ผู้ต้องหาคือ นางสาววันเพ็ญ, นางสาวนฤมล ดาศรี และนางสาวอัมภิกา ดำเนินงาม ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ถูกออกหมายจับแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผลการดำเนินการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ทำการอายัดบัญชีธนาคารของผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท และทำการตรวจยึดทรัพย์เป็นเงินสด 103,080 จาก นางสาววันเพ็ญ สุภาจิต รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รีเบล 1 คัน ราคาประมาณ 150,000 บาท และตรวจยึดโทรศัพท์ที่ใช้ในการกระทำความผิด 2 เครื่อง
ภายหลังจากการแถลงข่าว และรายงานความคืบหน้าของคดีของ ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ ทำให้ลูกแชร์รายหลายที่เดินทางมารับฟังการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุ่มท้าวแชร์ที่ฉ้อโกงลูกแชร์หลุดมือต่างก็มีความหวังที่ได้เงินคืน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย และยังหวังว่าโอกาสที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะยึดทรัพย์สินมาจำหน่าย นำเงินสดคืนแก่ลูกแชร์ยังมีอยู่สูง
