กรณีชายคนร้ายใส่วิกผม สวมแว่นตาและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ทำการจี้อุกอาจชิงทองรูปพรรณน้ำหนักกว่า 215 บาท มูลค่าราว 4 ล้านบาท ออกไปจากร้านทองออโรร่า ชั้น 1 ในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาพระราม 4 ก่อนชิ่งหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ใกล้กับบริเวณห้าง เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปนั้น
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้ายไปเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นพบว่า คนร้ายได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยใช้รถจักรยานยนต์ส่วนตัวขับหนีออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีผู้ใดให้การช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าทางคดีขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจพิสูจน์หลักฐานจากจุดเกิดเหตุ เช่น ลายนิ้วมือคนร้าย ดีเอ็นเอ รวมถึงการสอบปากคำพยานแวดล้อม และรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย เนื่องจากคนร้ายได้อำพรางตัวในการก่อเหตุ แต่เชื่อว่า อีกไม่นานจะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้
ด้าน พ.ต.ท. สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ รรท.ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กก.สส.ภ.1 กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ได้พบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ที่ห้างสรรพสินค้าเกตเวย์เอกมัย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเพื่อเก็บพยานหลักฐาน เช่น ลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอต่างๆ แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดจุดที่คนร้ายนำรถจักรยานยนต์มาทิ้งไว้ว่าหลบหนีไปอย่างไร
มีรายงานแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเจ้าของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ซึ่งเป็นชาว จ.สงขลา แล้ว แต่เจ้าตัวอ้างว่า รถของตนได้หายไปจากบ้านพักย่านคลองเตย ซึ่งได้มีการแจ้งความแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจะทำการติดตามตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
