กองปราบรวบผัวเมียโกงเงินแชร์ผ่านเฟซบุ๊ก พบผู้เสียหายร้องทุกข์เพิ่ม สูญหลายสิบล้าน

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) จับกุมตัวผู้ต้องหาสองสามีภรรยาที่มีพฤติกรรมชักชวนหลอกล่อผู้เสียหายกว่าหลายร้อยราย ให้ร่วมลงทุนเล่นแชร์ลูกโซ่ผ่านเฟซบุ๊กและสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนประมาณร้อยละ 20-50 ต่อสัปดาห์ ซึ่งร่วมกันก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2559-2560 รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 120 ล้านบาท จับกุมเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปี 2561 นั้น

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พร้อม พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป., พ.ต.ท.ภัทราวุฒิ อ่อนช่วย รอง ผกก.สสน.บก.ป. สั่งการให้ พ.ต.ต.กันต์กวี อดุลยาศักดิ์ สว.กก.สสน.บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.สสน.บก.ป.ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ปิยพร แส่สันเทียะ อายุ 28 ปี และนายทศพล บุญมานุช อายุ 29 ปี สองผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าของศาลมีนบุรี ที่ จ.882,884/2561 ลงวันที่ 26 กันยายน 2561 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษธนบุรี แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า น.ส.ปิยพร และนายทศพล สองผู้ต้องหาเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีในหลายท้องที่ ซึ่งมีความเสียหายเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกกว่า 50 ล้านบาท โดยในส่วนของกองปราบฯ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบแล้ว มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์อีกจำนวนมาก มีความเสียหายมูลค่ากว่า 21 ล้านบาท

กระทั่งในวันจับกุมทราบว่า สองผู้ต้องหาจะเดินทางมาแถวบริเวณสถานที่จับกุม จึงได้เดินทางไปซุ่มสังเกตการณ์กระทั่งพบผู้ต้องหา 2 รายนี้ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายจับพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ

Advertisement

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามกับ น.ส.ปิยพร และนายทศพล ยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวและให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยสารภาพว่าในช่วงที่มีผู้ร่วมลงทุนเล่นแชร์เยอะนั้น จะมียอดเงินการโอนเข้ามาร่วมเล่นแชร์กว่าวันละ 5 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 2 เดือน จากนั้นผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเงินที่มีผู้นำมาลงทุนเล่นแชร์นั้นไม่สามารถหมุนจ่ายให้ผู้ลงทุนรายอื่นได้ อีกทั้งยังต้องปันดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นให้กับผู้ที่ลงทุนมาเพื่อหาดอกเบี้ยในรายสัปดาห์ไม่เพียงพอ ก่อนเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image