มองอดีต…เช็กสัมพันธภาพ ‘บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กป้อม’

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เคยเป็นดาวจรัสแสง โดดเด่นที่สุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

4 ถึง 5 ปีที่ผ่านมา นายตำรวจชื่อ สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นที่รู้จักในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรู้จักกว้างขวางในทุกวงการ

เป็นนายตำรวจข้างกาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ซึ่งคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “โอลด์ โซลเยอร์” ผู้มากบารมีในกองทัพ เป็นพี่ใหญ่ ได้รับความเกรงใจในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นรุ่นพี่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐบาล นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้ความเคารพนับถือมาก

การเป็นขุนพลสีกากี ประกบติดตัว “บิ๊กป้อม” นี่เอง ขับให้ราศีของนายตำรวจชื่อ “โจ๊ก” เจิดจรัส ไม่ใช่เพียงเดินข้างเคียงกาย แต่พิสูจน์ได้ด้วยการได้รับการสนับสนุน การเติบโตแบบก้าวเขย่ง การันตีความเป็นตัวจริง

Advertisement

ตั้งแต่ปี 2557 หลังการรัฐประหาร ตอนนั้นเดอะโจ๊กมียศ พันตำรวจเอกพิเศษ” ในตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เวลาผ่านไป 4 ปี ในยุค คสช. จากรองผู้บังคับการ สุรเชษฐ์ หักพาล โตวัย เป็น “ผู้บังคับการ” เป็น “รองผู้บัญชาการ” และ “ผู้บัญชาการ” ก้าวหน้า 3 สเต็ปอย่างรวดเร็ว และแต่ละตำแหน่งไม่ธรรมดา แม้อาวุโสอ่อนกว่าใครเพื่อน แต่เมื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง สุรเชษฐ์ หักพาล คนข้างกายบิ๊กป้อม ราวกับเลือกได้ ปักหมุดตำแหน่งเกรดเอเท่านั้น ขึ้นเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เมื่อตุลาคม 2561 และเป็นตำแหน่งสุดท้ายในชีวิตราชการตำรวจ

จากฉายา “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ที่กลุ่มตำรวจพูดถึงเรียกขานในวงซุบซิบตั้งแต่ สุรเชษฐ์ หักพาล ยังมียศ พ.ต.ท. เปลี่ยนเป็น “บิ๊กโจ๊ก” ตามสื่อมวลชนขนานนาม ตามระดับเพาเวอร์ และยศ ตำแหน่งที่ขยับสูงขึ้นแบบไฮสปีด

ช็อกทุกวงการ เมื่อวันที่ 5 เมษายน ชะตาของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล พลิกผัน คล้ายดาวที่ร่วงจากฟ้า

Advertisement

ข่าวลือสะพัดเป็นจริง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ลงนามย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พ้นเก้าอี้ ผบช.สตม. เก็บกรุศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) แล้วท่ามกลางข่าวสะพัดแรงตลอดหลายวันถึงสาเหตุที่มา ประกอบกับการไม่ปรากฏตัวของ “บิ๊กโจ๊ก” ก็มีอาฟเตอร์ช็อกรุนแรง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. ลงนามอาศัยอำนาจ มาตรา 44 ย้ายขาด “โจ๊ก” รุ่นน้องนายตำรวจที่คุ้นเคยสนิทสนม คนสนิทของพี่ที่เคารพ ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปลดเครื่องแบบสีกากี เป็นข้าราชการพลเรือน เข้ากรุุที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสำคัญกว่านั้น คือเพิ่มชื่อในกลุ่มข้าราชการต้องสงสัยทุจริตสร้างความเสียหาย ที่ต้องตรวจสอบ ตามคำสั่ง หัวหน้าคสช.ที่ 16/2558

ชะตาของ “สุรเชษฐ์ หักพาล” พลิก อย่างคล้ายกับถูกลิขิต!!

ก่อนเป็นบิ๊กโจ๊กผู้โด่งดัง เส้นทาง สายสัมพันธ์ของอดีตนายตำรวจผู้นี้ไม่ธรรมดา เป็นน้องรัก น้องเลิฟคนหนึ่งของ “บิ๊กแป๊ะ” พล...จักรทิพย์ ชัยจินดา และเป็นลูกน้องที่บิ๊กป้อมไว้วางใจอย่างมาก

สมัยเป็นนายตำรวจเด็กๆ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” อยู่กับนายหลายคน และมักเป็นที่รักใคร่ไว้วางใจ ด้วยบุคลิกเฉพาะตัว จนถูกนิยาม “หวานเจี๊ยบ”

ในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร นายตำรวจคนนี้เริ่มมีบทบาทเป็นที่รู้จัก ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัว “ดามาพงศ์” ที่ผูกพันมาแต่รุ่นพ่อ “ดาบตำรวจ ไสว หักพาล” บิดาของบิ๊กโจ๊กเป็นพลขับอยู่ในบ้านของ พล.ต.อ.เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ

เมื่อลูกชาย ด.ต.ไสว เป็นนายตำรวจ “โจ๊ก” ถูกมอง กล่าวหา เด็กในบ้าน ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธมาตลอด แต่ในยุคที่ครอบครัวดามาพงศ์ ที่เกี่ยวดองกับชินวัตร มีบทบาทในสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเรื่องการวางขุมกำลัง “บิ๊กโจ๊ก” คือหนึ่งในทีมสต๊าฟ

ครั้งที่ “บิ๊กแป๊ะ” เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ (ยศในขณะนั้น) ได้รับการสนับสนุนจากสายการเมืองขั้วรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้นั่งตำแหน่ง ผบช.น. เก้าอี้ ผบช.เกรดเอบวก แต่เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนขั้ว พรรคเพื่อไทยขึ้นมา เกิดการย้ายล้างบางเปลี่ยนขั้วตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาล เก้าอี้ ผบช.น.ของบิ๊กแป๊ะสั่นคลอน ตอนนั้นมีข่าวว่า “น้องโจ๊ก” เป็นหนึ่งในคนสำคัญที่ช่วยแก้สถานการณ์ จากข่าวสะพัดที่ว่า “บิ๊กแป๊ะ” นายตำรวจมากฝีมือ อาจต้องถูกโยกนั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผบ.ตร. แต่สายสัมพันธ์ดีต่อสายค้ำยัน “บิ๊กแป๊ะ” ต้องย้าย แต่ย้ายไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) แทน ถือว่ายังเป็น ผบช.หน่วยกำลัง

ครั้งนั้นตัว “โจ๊ก” เอง ก็อยู่ในภาวะวิกฤต จากกรณีการจับคุมคาราโอเกะค้ามนุษย์ที่ จ.นครพนม ด้วยตำแหน่ง ผู้กำกับการหน่วยดูแลงานด้านปราบปรามการค้ามนุษย์ ในตอนนั้น ทำให้ “โจ๊ก” ถูกตั้งกรรมการ เรื่องไปถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งเพิ่งเคลียร์คัต เรื่องจบไปในยุค คสช.นี่เอง บิ๊กโจ๊กอยู่ในตำแหน่งประจำ ถูกดอง ลดบทบาทราชการพักใหญ่ ในวงการพูดกันว่า เมื่อน้องช่วยพี่ พี่ก็ช่วยน้อง “บิ๊กแป๊ะ” ย้ายไป กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จ.สงขลา ก็พาน้องโจ๊กไปอยู่ด้วย

พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ในขณะนั้น คล้ายฟื้นคืนชีพ ได้เป็น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จ.สงขลา ในวงการซุบซิบกันว่า งานนี้พี่จัดให้ เหมือนจังหวะเหมาะลงตัว ด้วยเกณฑ์การแต่งตั้งตำรวจในตอนนั้น ให้คะแนนพิเศษ ผกก.หัวหน้าสถานีที่ได้รางวัลโรงพักดีเด่น เป็นแต้มพิเศษมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น “โจ๊ก” อยู่โรงพักหาดใหญ่ไม่ทันถึงปี โรงพักนี้ก็ได้รางวัลโรงพักดีเด่น ซึ่งได้รางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ วงสีกากีพูดกันขำๆ คล้ายใครมาอยู่หากมือไม่ตก รักษาระดับให้ได้ก็นอนมา แน่นอน ครั้งนั้นการอยู่โรงพักหาดใหญ่ ได้รางวัลดีเด่น ส่งให้ “บิ๊กแป๊ะ” ผบช.ภ.9 ที่มีอำนาจแต่งตั้ง ดัน “น้องโจ๊ก” ขึ้นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา

ในวาระแต่งตั้งปีเดียวกัน “บิ๊กแป๊ะ” ขยับขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ฝากฝังต่อ น้องเลิฟ ให้ “ผบช..9 คนต่อไปดูแล ขอให้ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (ยศในตอนนั้น) ได้เป็นรอง ผบก.ภ.จว.สงขลา ดูแลพื้นที่ 4 อำเภอพื้นที่สีแดง คือ จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี จ.สงขลา มีตำแหน่งหัวหน้า ศปก.ส่วนหน้า จ.สงขลา อานิสงส์ตรงนี้ “โจ๊ก” ได้นับอายุราชการทวีคูณสำหรับเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

ในช่วงที่บิ๊กแป๊ะ พาบิ๊กโจ๊ก ไปอยู่ภาค 9 จ.สงขลา ด้วยกัน ช่วงนั้นเอง ว่ากันว่า บิ๊กแป๊ะ พาน้องโจ๊ก ไปรู้จัก บิ๊กป้อม และหลังจากนั้นก็เริ่มเห็นนายตำรวจชื่อ สุรเชษฐ์ หักพาล ตามติดใกล้ชิดบิ๊กป้อม

ในแวดวงตำรวจพูดกันว่า บิ๊กป้อมเอ็นดูและไว้วางใจนายตำรวจรุ่นน้องคนนี้มาก ว่ากันว่าโจ๊กดูแลนายดี ตื่นเช้ามานายเจอหน้า ก่อนหลับตานอนนายเห็น ทำนอง “ตื่นก่อน นอนทีหลัง”

เมื่อ คสช.เข้ามากุมอำนาจบริหารประเทศ มี “บิ๊กป้อม” คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มี “บิ๊กโจ๊ก” เป็นนายตำรวจติดตาม ได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. บอร์ดใหญ่มากอำนาจของสีกากี ในฐานะผู้ติดตามบิ๊กป้อมด้วย สง่าราศีออร่าจับที่นายตำรวจชื่อ สุรเชษฐ์ หักพาล กฎเกณฑ์การแต่งตั้งตำรวจ กฎการนับวันทวีคูณเพื่อการแต่งตั้งถูกแก้ไข ในช่วง คสช. แต่คล้ายทุกอย่างเหมาะเจาะลงตัว สุรเชษฐ์ หักพาล เติบโต แบบก้าวกระโดด เป็นนายตำรวจอยู่ข้างบิ๊กป้อม ได้รักษาการตำแหน่งผู้บังคับการประจำทำหน้าที่ประสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่ประสานสำนักนายกรัฐมนตรี สอดคล้องกับการเป็นนายตำรวจติดตาม “บิ๊กป้อม”

ไม่นานก็มีการแต่งตั้งนายพลนอกวาระแบบพิเศษ กลางปี 2558 ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือไม่ แต่เกิดขึ้นไม่กี่วันหลัง “บิ๊กโจ๊ก” มีคุณสมบัติอายุราชการบวกอายุทวีคูณครบหลักเกณฑ์การเลื่อนตำแหน่งพอดิบพอดี ในปี 2558 ได้เป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งผู้บังคับการประจำฯที่รักษาการอยู่

ในเดือนตุลาคมปลายปี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ขยับจาก รอง ผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ผู้นำตำรวจเต็มตัว ไม่นานกลายเป็นเรื่องฮือฮา วิจารณ์สนั่นในวงการตำรวจเมื่อ “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ผบ.ตร. ออกคำสั่งให้ตำรวจทั่วประเทศต้องรายงานเหตุสำคัญทุกเหตุให้ “ผู้การโจ๊ก” ทราบก่อน ทราบในทันที เพื่อรายงานตรง พล.อ.ประวิตร ที่คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เป็นคำสั่งที่ขับให้เห็นบทบาท ความสัมพันธ์ และความสำคัญ ของ “บิ๊กโจ๊ก” อย่างมาก

ไม่มีใครปฏิเสธว่าสำหรับ “บิ๊กป้อม” แล้ว สุรเชษฐ์ หักพาล คือคนของบิ๊กป้อม ตัวจริง เสียงจริง

จากผู้การประจำฯ ไม่กี่เดือนต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ต่อมาเป็นผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งทุกตำแหน่งเลื่อนขึ้น 2 สเต็ป พล.ต.ต. สู่ พล.ต.ท. เกิดขึ้นระหว่างปลายปี 2559-2561

ตุลาคม 2561 “บิ๊กโจ๊ก” เป็นผู้บัญชาการอายุน้อย ติดยศ พล.ต.ท. ด้วยวัยเพียง 48 ปี สร้างประวัติศาสตร์ และยังนั่งเก้าอี้เกรดเอ ผบช.สตม.เสียด้วย

การแต่งตั้งโยกย้ายทุกระดับในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุคที่บิ๊กป้อม คุมทัพตำรวจ “บิ๊กโจ๊ก” เจอมรสุมคำกล่าวหาทุกครั้ง หลายครั้งที่พาดพิงให้เสียหาย บิ๊กโจ๊กออกมาชี้แจง การันตีตัวเองอยู่ใกล้นายใหญ่อย่างบิ๊กป้อม แต่ไม่เคยยุ่งเกี่ยว แต่คล้ายชาวสีกากีไม่เชื่อคำถ่อมตัว โจ๊กกลายเป็นนายตำรวจมากบารมีในทุกฤดูกาลแต่งตั้ง

ช่วง พล.ต.อ.จักรทิพย์เป็น ผบ.ตร.ปีแรก เกิดข่าวลือพี่น้องหมางใจ คนหนึ่งมีอำนาจด้วยตำแหน่งและอำนาจถูกต้องตามกฎหมาย อีกคนมากบารมี วิจารณ์กันไปว่าเหตุเกิดจากการใช้อำนาจแต่งตั้ง แต่ก็เป็นเพียงลือ !!

”บิ๊กแป๊ะ” เป็น ผบ.ตร. บิ๊กโจ๊กก็เติบโต ก้าวกระโดด แต่ทั้งพี่ ทั้งน้อง เป็นตำรวจในสายในค่าย “บ้านวงษ์สุวรรณ” ต่างก็เป็นน้องรักของ “เฮียป้อม”

ทว่าทุกฤดูกาลแต่งตั้งตำรวจ นายพล-นายพัน ข่าววงนอกวงในสะพัดพาดพิง “บิ๊กโจ๊ก” และทีมงาน 2 นายพลทุกครั้ง ซ้ำยังพันไปถึง “คนนอก” ตระกูลมากบารมีย่านโชคชัย 4 อีกด้วย

หลายครั้งมีกระแสข่าวว่า การใช้อำนาจแฝงบารมีที่เกิดขึ้น สร้างความอึดอัดใจให้ “บิ๊กแป๊ะ” ผู้ต้องมีอำนาจตัวจริง ไม่น้อย แม้แต่การแต่งตั้งวาระที่เพิ่งผ่านมา เด็กในสายสุรเชษฐ์ หักพาล ได้ดี มีตำแหน่งใหญ่โตถ้วนหน้า ทีมงานเดอะโจ๊กมาวินมาแรง แต่ไล่เช็กชื่อสายบิ๊กแป๊ะ หลายคน พลาดเก้าอี้ !!

ก่อนนี้หลายครั้งมีข่าวลือ พล.ต.ต. พล.ต.ท. ใหญ่กว่า พล.ต.อ. แต่เมื่อไม่นานมานี้ บิ๊กโจ๊ก โพสต์ข้อความหวานเจี๊ยบเคลียร์ใจพี่แป๊ะ “รักและนับถือ”

1-2 ปีมานี้ บทบาทบิ๊กโจ๊ก ใหญ่โต ผงาด ซ้ำเสริมบารมีมีตำแหน่งผู้ช่วยโฆษกประจำตัว “บิ๊กป้อม” เป็นเหมือนหมวกกายสิทธิ์อีกใบ 2-3 ปีที่ผ่านมา วงการสีกากีต้องยกให้บิ๊กโจ๊ก มาแรงกว่าใครๆ รุ่นพี่ รุ่นเพื่อน ไม่นับรวมรุ่นน้องเกรงใจและหลีกทาง เกิดศูนย์ทำงาน ทีมงานบิ๊กโจ๊ก บารมีให้คุณให้โทษ ดูดคนเก่งสีกากีมีฝีมือร่วมงาน ดัน หนุน บิ๊กโจ๊กให้ยิ่งใหญ่สร้างผลงานปราบปรามมากมาย สร้างเรตติ้งจากชาวบ้านประชาชน ในการทำงานตำรวจบ่อยครั้งบางทีเกิดเหตุการณ์ “เด็ดยอด” แต่เพราะเป็นบิ๊กโจ๊ก ที่มีแบ๊กอัพเป็นบิ๊กป้อม และคล้ายมีบทบาทวางขุมกำลังพล ใครก็ต้องยอม

ก่อนวันที่ 5 เมษายน 2562 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล คือนายพลตำรวจผู้ยิ่งใหญ่ แต่วันนี้ชะตาพลิกผันคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ว่ากันว่าหนึ่งในอีกแบ๊กอัพใหญ่สนับสนุนด้านงานไอโอ ปลด “บิ๊กโจ๊ก” จากความเป็น “ตำรวจ” ที่จนขณะนี้ยังไม่มีคำตอบอย่างเป็นทางการ ทั้งจาก “บิ๊กป้อม” นายโดยตรง และ “บิ๊กแป๊ะ” ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ อดีตนายตำรวจผู้ยิ่งใหญ่ “สุรเชษฐ์ หักพาล”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image