เมื่อเวลา 10.30น. วันที่ 19 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม พร้อม พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ รอง ผกก.1 บก.ป. และทีมงาน ร่วมแถลงผลจับกุม นายพงศ์พันธ์ หรือเอ๋ ยังให้ผล ฉายา “เอ๋ เจ็ดเสมียน” อายุ 38 ปี ชาว จ.ราชบุรี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และ นายชยพล หรืออาคม เสียมไหม อายุ 35 ปี ชาว จ.ตรัง ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้ง 2 เป็นผู้ต้องหาชาวไทยที่หนีคดีไปกบดานยังประเทศเมียนมา ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเมียนมาจับกุมได้บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำสาย 1 ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สาย จ.เชียงราย และนำตัวส่งมอบทางการไทย เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา
พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ปี2561 นายชยพล หรือคม ซึ่งนั่งดื่มสุราอยู่ภายในสถานบันเทิงชื่อ โรงเหล้ามหานคร@ตรัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง และเกิดความไม่พอใจกับกลุ่มเพื่อนของนายสิริพล หรือหนึ่ง แต้มประสิทธิ์ ก่อนใช้อาวุธปืนไล่ยิงคู่กรณีจนได้รับบาดเจ็บ 7 ราย โดยนายสิริพล ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล และคนร้ายได้หลบหนีไป กระทั่งศาลจังหวัดตรังได้อนุมัติหมายจับที่ จ.480/2561 ลง 6 พ.ย.2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 และ 6 บก.ป. ได้สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาจนทราบว่า นายชยพลได้หลบหนีไปยังประเทศเมียนมา กับนายพงศ์พันธ์ ซึ่งเป็นผู้สั่งการเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ใน จ.ราชบุรี โดยเครือข่ายได้ถูกจับกุมดำเนินคดีพร้อมของกลางยาบ้า 7 หมื่นเม็ด ตั้งแต่เมื่อปี 2560 ต่อมาตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักนายพงศ์พันธ์ ที่ จ.ราชบุรี พบแท่นพิมพ์ยาเสพติดและยาเสพติด รวมถึงอาวุธปืนอาวุธสงครามจำนวนมาก แต่คนร้ายหลบหนีออกมาได้ จึงขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับที่ จ.2/2560 ลง6 ม.ค.2560
พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวต่อ ทางการไทยได้รับประสานจากเจ้าหน้าที่ ตม.จังหวัดท่าขี้เหล็กของประเทศเมียนมา ซึ่งได้จับกุมผู้ต้องหาชาวไทยทั้งสองฐานหลบหนีเข้าเมือง เมื่อตรวจสอบข้อมูลพบเป็นบุคคลตามหมายจับของไทย ทางการไทยจึงประสานส่งมอบตัวผู้ต้องหาผ่านผู้ช่วยทูตเนื่องจากไทยไม่ได้มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับเมียนมา ก่อนคุมตัวมาสอบสวนเบื้องต้นที่กองปราบฯ โดยนายชยพล ได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าเป็นผู้ลงมือยิงกลุ่มของนายสิริพลจริง ตามที่ภาพวงจรปิดได้แสดง สาเหตุเนื่องจากบันดาลโทสะ ต่อจากนี้จะส่งตัวดำเนินคดีที่ สภ.เมืองตรัง พร้อมส่งตัวนายพงศ์พันธ์ ให้พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) ดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนทราบว่าทั้งสองผู้ต้องหาต่างไม่รู้จักกัน ก่อนไปพบกันที่เมียนมา และอาศัยอยู่ตามบ่อนการพนัน ซึ่งทั้งสองได้เปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทใหญ่เพื่อปกปิดตัวตนจริง และจะข้ามกลับเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติเป็นครั้งคราว สำหรับผู้ให้ความช่วยเหลือการหลบหนีนั้น ยังอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลต่อไป