เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีชายนักธุรกิจเชื้อสานอินเดีย คลุ้มคลั่งปล่อยงูลงถนน และทำร้ายร่างกายตนเอง บนถนนราชดำริ ใกล้แยกราชประสงค์เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ว่าได้รับรายงานจาก สน.ลุมพินี บก.น.5 ว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน เวลาประมาณ 18.30 น. รับแจ้งเหตุ มีเหตุชายไทยคลุ้มคลั่ง ขับรถจอดกลางถนนทำร้ายร่างกายตนเอง บนถนนราชดำริ หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายจราจร พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเหตุชายคลุ้มคลั่งเบื้องต้น พบชายคลุ้มคลั่งยืนอยู่บนถนน ร่างกายมีร่องรอยการใช้มีดกรีดแขน ประมาณ 20 แผล แต่แผลไม่ลึกและศีรษะมีบาดแผล พยายามจะปล่อยงูเห่า 2 ตัว และโปรยกลีบดอกมะลิบริเวณดังกล่าว โดยมีรถยนต์ยี่ห้อ เบนซ์ สีดำ ป้ายแดง ทะเบียน จ9495 กทม. จอดอยู่บริเวณใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าควบคุมตัว เมื่อสงบสติอารมณ์แล้วจึงเชิญตัวมาที่ สน.ลุมพินี สอบถามสาเหตุเบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุชื่อ นายคเณศพิศณุเทพ หรือกันต์ฐพงษ์ จักรภพมหาเดชา อายุ 42 ปี มาเพื่อประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อส่วนตัว โดยได้เดินทางมาจากนครสวรรค์เพื่อไปพบภรรยาที่บิ๊กซี พระประแดง แต่ได้จอดรถและก่อเหตุดังกล่าวตามความเชื่อเสียก่อน
“จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ยังให้การวกวนเหมือนคนสติไม่ดี ให้การไม่รู้เรื่อง ต่อมาชายดังกล่าวมีอาการจุกที่อก หายใจไม่ออก เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวชายผู้ก่อเหตุไปทำการรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และตรวจสอบสภาพจิตที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาแล้ว จากการสอบสวนพยาน ทราบว่า ผู้ก่อเหตุเคยมีอาการคลุ้มคลั่งลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง”รองโฆษกตร.กล่าว
รอง โฆษก ตร. กล่าวว่า ผลตรวจบาดแผลของผู้ก่อเหตุจากแพทย์ ไม่พบร่องรอยการถูกงูกัด แต่ยังต้องรอผลการตรวจสอบสภาพทางจิตจากแพทย์ ว่ามีความผิดปกติทางจิตหรือไม่ และการก่อเหตุเกิดขึ้นจากสาเหตุใด พนักงานสอบสวนจึงจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไปพร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบแล้ว และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ดังกล่าว ระมัดระวังถึงความปลอดภัยของตนเองเป็นสำคัญ โดยนำยุทธวิธีตำรวจและการเจรจาเกลี่ยกล่อม มาปรับใช้เข้ากับสถานการณ์ที่เผชิญเหตุ โดยเน้นหนักที่ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนก่อเหตุ รวมถึงประชาชนบริเวณใกล้เคียง
