เมื่อเวลา 07.50 น. วันที่ 26 เม.ย. ร.ต.อ.อนุวรรตน์ รักษายศ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์ ซึ่งจอดอยู่ริมถนน ภายในซอยหมื่นศรี ม. 3 ต.รัษฏา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.สาคร ไชยวรรณ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ขวัญเนียม สวป.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่สายตรวจ แพทย์เวร รพ.วชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำทะเบียน บบ 8820 ภูเก็ต จอดอยู่ริมกำแพงข้างทาง โดยสตาร์ตเครื่องยนต์ทิ้งไว้ ตรวจสอบภายในรถที่เบาะหน้าด้านคนขับ พบร่างผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อคือนายวีรวัฒน์ ภักดีวิโรจน์ อายุ 28 ปี สภาพสวมเสื้อยืดสีดำ และกางเกงยีนส์ขายาว อยู่ในท่านอนเอนเบาะไปด้านหลัง บริเวณที่วางเท้าด้านซ้ายฝั่งคนนั่งข้างพบ เตาปิ้งย่างที่ภายในมีถ่านไฟมอดดับแล้ว 1 ชุด วางอยู่บนกล่องสว่าน และบนเบาะที่นั่งด้านซ้ายพบยังจดหมายวางไว้ 1 ฉบับวางข้างกล่อง Router อินเตอร์เน็ต โดยเนื้อหาในจดหมายเขียนระบุว่า “น้อง ปอขอโทษนะ ขอบคุณทุกอย่างที่น้องช่วยปอ ปอมันไม่ดี ทำแต่หนี้สินให้น้องลำบาก ถ้าน้องลำบากให้ป๋าปอช่วยนะ ป๋าช่วยปลดหนี้ให้ปอด้วยนะ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนมากๆ 093 – XXXXXXX แฟนผม ช่วยแจ้งด้วยครับ”
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น พร้อมเก็บหลักฐานทั้งหมด ก่อนให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตนำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่ รพ.วชิระภูเก็ตอีกครั้ง
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายวีรวัฒน์ ผู้เสียชีวิตนั้น ปัจจุบันมีอาชีพเป็น ผู้รับเหมาติดตั้งระบบวงจรปิดและอินเตอร์เน็ตใน จ.ภูเก็ต และมีบ้านพักอยู่ห่างจากจุดดังกล่าวไปประมาณ 50 เมตร ก่อนเกิดเหตุมีชาวบ้านที่ขับรถผ่านไปมาเห็นรถผู้ตายจอดอยู่บริเวณดังกล่าวตั้งแต่ก่อนเที่ยงของวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่คิดว่าจอดตามปกติเนื่องจากบ้านของผู้ตายอยู่ใกล้เคียง กระทั่งในวันนี้ยังพบว่ารถยังจอดอยู่ในจุดดังกล่าว ไม่มีการเคลื่อนย้าย จึงเข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนพบว่ามีคนนอนอยู่ในรถแต่เรียกไม่ตอบจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ ก่อนพบว่าเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากความเครียดในเรื่องปัญหาหนี้สิน ก่อนตัดสินใจจบปัญหาด้วยการใช้เตาย่างก่อไฟรมควันภายในรถ และปิดแอร์ จนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนให้ญาตินำศพผู้เสียชีวิตกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
