เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 และ พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุม นายภูษิต หรือ บิว อินอ่อน อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาความผิดฐาน สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่านายภูษิต เป็นหัวหน้าเครือข่าย“ปั้นน้ำเป็นเงิน”นักค้ายาเสพติดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพฤติการณ์ลักลอบค้ายาเสพติดให้กับลูกค้าในพื้นที่ โดยนำยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาจำหน่ายให้ลูกค้าในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตลอดจนพื้นที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต่อเนื่องไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางภาคใต้ของประเทศไทย มีการอำพรางโดยการทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำดื่มบังหน้า โดยผลิตจำหน่ายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปลงทุนทำรีสอร์ทในพื้นที่ จว.กาฬสินธุ์ และโรงงานผลิตน้ำดื่มที่ประเทศเพื่อนบ้าน
ผบช.ปส. กล่าวว่านอกจากนั้นกลุ่มเครือข่ายนี้ยังมีพฤติการณ์ ก่อเหตุอุกฉกรรจ์อย่างต่อเนื่อง เช่น ก่อเหตุอุ้มผู้หญิงที่เบี้ยวเงินค่ายาเสพติด ที่หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และมีการขู่ฆ่าทำร้ายเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ขัดขวางการค้ายาเสพติดของกลุ่มเครือข่ายนี้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ พร้อมยาบ้า 4,000 เม็ด และสืบสวนทราบว่าผู้หญิงที่ถูกอุ้มก็มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วยนอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลาไสย ทำการจับกุมตัวบุคคลในเครือข่าย พร้อมยาเสพติดจำนวนหนึ่ง และจากการสืบสวนขยายผลพบข้อมูลว่ามีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเดียวกัน
พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า บก.ปส.2 บช.ปส.สืบสวนสอบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยุทธการสยบไพรี 62/11 จับกุมนายชาญยุทธ เนาวบุตร และ น.ส.จันทร์เพ็ญ วิเชียรฉาย หรืออินอ่อน ผู้ต้องหาในเครือข่าย “ปั้นน้ำเป็นเงิน” พร้อมยึดทรัพย์ จำนวนกว่า 34 ล้านบาท ส่วนนายภูษิต หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน
ผบช.ปส. กล่าวว่าต่อมาการประสานงานระหว่าง บช.ปส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน สามารถกดดันจนทางการไทยจับกุมตัว นายภูษิต ได้บริเวณชายแดนไทย-ลาว ตามหมายจับของศาลอาญา ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.๒ เพื่อดำเนินสอบสวนขยายผลต่อไป ความสำคัญของปฏิบัติการนี้จึงเป็นการยืนยันแนวคิดการทำงานของ บช.ปส. ที่มุ่งเน้นการทำลายเครือข่ายที่มีความเคลื่อนไหวไม่เพียงแต่ในประเทศ แต่รวมถึงเครือข่ายยาเสพติดที่อาศัยแนวเขตรอยต่อประเทศ เพื่อนบ้านในการกระทำความผิดหรือหลบหนีไปกบดานซ่อนตัวอยู่ด้วย
