กรณีมีผู้เผยแพร่ คลิปเหตุการณ์ตำรวจ 7 นาย ทำร้ายผู้ต้องหาที่ถูกใส่กุญแจมือและอยู่บนท้ายรถกระบะภายใน สน.หลักสอง โดยผู้บังคับบัญชาสอบถามทราบว่าเหตุเกิดจากผู้ต้องหาเมายาเสพติดและถมน้ำลายใส่ชุดจับกุมตลอดทาง กระทั่ง กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ซึ่งเป็นต้นสังกัดของโรงพักได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนการกระทำของชุดจับกุมพร้อมสั่งย้ายให้ทั้งหมดไปปฏิบัติราชการที่ บก.น.9 จนกว่าผลสอบจะแล้วเสร็จนั้น
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายยุทธนา พจนวราภรณ์ อายุ 46 ปี สัปเหร่อวัดบุญยประดิษ ซึ่งเป็นผู้แจ้งให้ตำรวจ สน.หลักสอง มาควบคุมตัวนายคณาพจน์ อินเรือน อายุ 33 ปี ผู้ต้องหารายดังกล่าว ที่กำลังคุ้มคลั่งภายในวัด ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ภาพที่ปรากฏในคลิปนั้นเป็นปลายเหตุ เนื่องจากก่อนเกิดเหตุตามคลิปดังกล่าว ตำรวจได้มาระงับเหตุกับนายคณาพจน์ ก่อนหน้านี้แล้ว 1 ครั้ง และได้กลับมารอบที่ 2 เนื่องจากนายคณาพจน์มีอาการคุ้มคลั่งหนักยิ่งขึ้นทั้ง ทำลายทรัพย์สินของวัด กัดโทรศัพท์มือถือ ขว้างแก้ว ลากรถจักรยานยนต์ของประชาชนที่ในวัด และปัสสาวะเรี่ยราด จนทำให้ขายของที่อยู่ภายในวัดจำนวนมากหวดกลัว เกรงว่าจะโดนทำร้าย
นายยุทธนา กล่าวต่อ ตำรวจจึงได้นำกำลัง 4-5 นาย มาระงับเหตุในรอบที่ 2 แต่นายคณาพจน์ กลับขัดขืนและอาละวาด รวมถึงทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งถืบ ถ่มน้ำลายใส่ พูดจาดูถูก ซึ่งทางตำรวจไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด ทั้งนี้ตนมองว่า นายคณาพจน์ ไม่น่าจะมีอาการทางจิต แต่มีลักษณะคล้ายคนมึนเมาสารเสพติด รวมทั้งที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยเห็นหน้าและไม่ใช่คนในพื้นที่แน่นอน
นายยุทธนา กล่าวว่า ส่วนคลิปเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หลักสอง รุมทำร้ายชายคนดังกล่าวหน้า สน. นั้นตนยืนยันว่าไม่เห็น แต่มั่นใจว่า การกระทำของตำรวจ เป็นไปตามยุทธวิธี เพราะว่าบุคคลที่ถูกควบคุมตัวไป ถือว่าเป็นอันตรายต่อประชาชนภายในวัด
