รองโฆษก ตร.เผยคดีเจ้าอาวาสข่มขืน ม.2 เตรียมเรียกเหยื่อมาสอบ หากพบทำผิดเพิ่มดำเนินคดีอีกยอมความไม่ได้

เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีตามที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีเจ้าอาวาสของวัดแห่งหนึ่งก่อเหตุวางยาขืนใจ นักเรียนสาว ม.2 มีการถ่ายคลิปขู่ เรื่องแดงเพราะท้อง จากนั้นได้ย้ายวัดหนี ในพื้นที่ อ.หนองสองห้อง จ.บุรีรัมย์ ว่าผู้เสียหายและผู้ปกครองได้มาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม จากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้น ผู้เสียหายได้รู้จักกับผู้ต้องหา (พระ) เมื่อประมาณปี 2558 เรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 18 เมษายน ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 18 ปีเศษ และก่อเหตุเรื่อยมา จนกระทั่งในวันที่ 28 กรกฎาคม ยายของผู้เสียหายทราบว่าผู้เสียหายตั้งท้อง จึงได้เล่าเรื่องให้มารดาผู้เสียหายทราบ และได้สอบถามผู้เสียหายแล้วรับว่าถูกผู้ต้องหากระทำชำเรา และมีท้องจริง ผู้เสียหายได้โทรศัพท์ไปหาผู้ต้องหาบอกว่าท้อง ผู้ต้องหาได้แนะนำให้ไปทำแท้งแต่ผู้เสียหายไม่ยอม มารดาและญาติพี่น้องจึงได้ไปหาผู้ต้องหาที่วัดแต่ผู้ต้องหาบอกปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ ผู้เสียหายจึงได้เข้าไปแจ้งความเพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า จากนั้นพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำผู้เสียหาย พยานที่เกี่ยวข้อง และออกตรวจที่เกิดเหตุ ส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายกับแพทย์ อีกทั้งได้เรียกตัวผู้ต้องหาให้เข้าพบพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราวโดยการประกันตัวออกไป ต่อมาฝ่ายผู้ต้องหาได้เข้าพบกับฝ่ายผู้เสียหายเพื่อเจรจาตกลงกัน และชดใช้ค่าเสียหาย โดยความยินยอมของฝ่ายผู้เสียหายพร้อมไม่ติดใจเอาความกับผู้ต้องหาอีกต่อไป จากนั้นฝ่ายผู้เสียหายจึงได้ถอนคำร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนจึงต้องดำเนินการไปตามความประสงค์ของผู้เสียหาย โดยในเบื้องต้นพิจารณาแล้วคดีนี้เป็นความผิดอาญาต่อส่วนตัวอันยอมความกันได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา มาตรา 39 (2)

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า ต่อมามารดาผู้เสียหายได้ให้ข่าวทางสื่อมวลชนว่าผู้ต้องหาในคดีนี้นอกจากกระทำความผิดในวันที่ 18 เมษายนแล้ว ยังกระทำความผิดช่วงก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับเรื่องทางเพศในขณะที่บุตรสาวของตนยังมีอายุยังไม่ถึง 18 ปีนั้น พนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการเรียกฝ่ายผู้เสียหายมาทำการสอบสวนเพิ่มเติม และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พร้อมรับคำร้องทุกข์ในการกระทำผิดช่วงเวลาอื่นอีกด้วย โดยหากข้อเท็จจริงพบว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิดขณะที่ผู้เสียหายอายุยังไม่ถึง 18 ปี ซึ่งเป็นความผิดที่ไม่สามารถยอมความได้ตามกฎหมาย ก็จะได้เรียกตัวผู้ต้องหามาแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายและส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการสึกจากพระต่อไป

จากการตรวจสอบในเบื้องต้น คดีนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ซึ่งในการดำเนินคดีอาญานั้นก็คงจะต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง ผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งฝ่ายผู้เสียหาย หรือฝ่ายผู้ต้องหาเองก็ดีนั้นสามารถนำข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมามอบให้พนักงานสอบสวนประกอบสำนวนคดี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

Advertisement

โดยคดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว เป็นธรรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image