เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีที่สื่อได้นำเสนอข่าว “ครอบครัวชาวสก็อตยังมืดแปดด้าน หลังลูกชายเสียชีวิตปริศนาที่เกาะสมุย” ว่าได้รับรายงานจาก ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เวลา 16.15 น. สภ.บ่อผุด ได้รับแจ้งเหตุพบศพชาวต่างชาติผูกคอตาย อยู่ภายในห้องพักโรงแรมบ้านทะเล ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี พนักงานสอบสวน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บ่อผุด และ แพทย์ รพ.เกาะสมุย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทำบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพที่เกิดเหตุปประกอบคดี วาดแผนที่เกิดเหตุพอสังเขป และร่วมกับแพทย์ชันสูตรพลิกศพบาดแผลผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตลอดจนให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่ หาเบาะแสข้อมูลของผู้เสียชีวิตและซักถามปากคำพยานที่เหตุเหตุการณ์ในเบื้องต้น
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพ นายเดวิด คอร์นนอค (MR.DAVID CORNOCK) สัญชาติอังกฤษ นอนตะแคงอยู่ สภาพศพ ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงในสีขาว โดยมีเชือกแบบผ้าสีเทา รัดอยู่ที่ลำคอผู้ตาย รอยเชือกที่รัดลำคอผู้ตายมีลักษณะเฉียงจากด้านหน้าขึ้นไปด้านหลังลำคอ และพบเชือกแบบผ้าสีเทาขนาดเดียวกันกับเชือกที่รัดลำคอผู้เสียชีวิต ผูกติดอยู่กับราวเหล็กกันตกชั้นสองของบ้าน ห้อยปลายเชือกลงไปชั้นล่าง เชือกถูกตัดขาดด้านปลายที่ใช้แขวนคอผู้ตาย โดยพนักงานสอบสวนได้ร่วมกับแพทย์โรงพยาบาลเกาะสมุย ชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นไว้ แล้วได้ส่งศพไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลเกาะสมุย เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายได้พักอาศัย อยู่กับ นางโยนเน็ตต์ คอร์นนอค (MRS.YONNETT CORNOCK) ภรรยา สัญชาติ สหรัฐอมริกา ที่บ้านที่เกิดเหตุดังกล่าวมาประมาณ 5 ปี โดยก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 28 เมษายน เวลากลางคืน ผู้ตาย ได้มีปากเสียงกับภรรยาหลังจากกลับมาจากเที่ยวกลางคืน จนวันที่ 29 เมษายน เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ตายก็ได้มีปากเสียงกับภรรยาอีก จนภรรยาได้ออกจากบ้านพักไปอาศัยอยู่กับเพื่อน ซึ่งระหว่างนี้ผู้ตายก็พยายามติดต่อตลอดมา แต่ภรรยาก็ไม่กลับแต่อย่างใด ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤษภสคม ภรรยาของผู้ตาย ได้เดินทางกลับมายังบ้านพัก พบว่าผู้ตายผูกคอตายด้วยการใช้เชือกผูกกับราวเหล็กชั้นบนห้อยตัวลงมาชั้นล่าง จึงได้ใช้กรรไกรตัดเชือกจนขาด ร่างผู้ตายร่วงลงมาบนพื้น และพยายามแก้เชือกที่ผูกอยู่ที่คอผู้ตายออก แต่ไม่สามารถแก้ออกได้ จึงได้วิ่งออกไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า พนักงานสอบสวนได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด ซึ่งจากการสอบสวนภรรยาผู้ตาย เชื่อว่าผู้ตายได้ใช้เชือกผูกคอฆ่าตัวตายเอง เนื่องจากผู้ตายเคยพูดว่า จะฆ่าตัวตายอยู่ตลอดและเป็นคนมีอารมณ์ไม่สม่ำเสมอ ส่วนของใช้ที่แตกกระจัดกระจายอยู่ภายในห้องนั้น เชื่อว่าผู้ตายเป็นคนทำลายเอง เนื่องจากผู้ตายเคยกระทำในลักษณะดังกล่าวมาก่อน ประกอบผลการตรวจชันสูตรพลิกศพของแพทย์โรงพยาบาลเกาะสมุย มีความเห็น ผู้ตายเสียชีวิตจากการแขวนคอ ซึ่งต่อมาได้ส่งศพผู้ตายไปตรวจสอบพิสูจน์หาสาเหตุการตาย ยังสถานบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ แต่แพทย์ไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้เนื่องจากศพเน่าเปลี่ยนสภาพ และพนักงานสอบสวน ได้นำเชือกที่ใช้แขวนตอผู้ตายเส้นที่ผูกติดกับราวเหล็กกันตกชั้นสอง ตรวจเปรียบเทียบหาสารพันธุกรรม(DNA) กับเส้นผมที่ถอนจากศีรษะของผู้ตายและศพของผู้ตาย ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ พบว่าเชือกดังกล่าวมี DNA ตรงกับผู้ตาย ซึ่งจาการพิเคราะห์พยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานนิติวิทยาศาตร์ และ พยานแวดล้อมต่างๆ พอฟังได้ว่า ผู้ตายได้ใช้เชือกแขวนคอฆ่าตัวตายด้วยตนเอง
โดย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ได้พิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนแล้ว ยุติได้ว่า นายเดวิด คอร์นนอค เสียชีวิตจาการฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นการตายโดยผิดธรรมชาติ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 148(1) ที่มิได้เป็นผลแห่งการกระทำผิดอาญา และส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต ต้องการร้องขอความเป็นธรรม หรือเห็นว่าการรับฟังพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนที่ไม่ถูกต้อง หรือ การรับฟังพยานลักฐานที่ไม่เพียงพอของพนักงานสอบสวน หรือมีข้อมูลพยานหลักฐานอื่นใด สามารถยื่นนังสือขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานอัยการภาคหรือสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้พนักงานอัยการเจ้าของสำนวน มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบพยานเพิ่มเติม หรือให้มีคำสั่งอื่นใดก็ได้
สำหรับประเด็นที่ญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิต ประสงค์ขอคัดสำเนาเอกสาร หรือ ผลการตรวจพิสูจน์ต่างๆ ในกระบวนการชั้นสอบสวนนั้น สามารถยื่นคำร้องในชั้นพนักงานอัยการ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 8 ได้เช่นกัน
ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับ พนักงานสอบสวน ในการทำสำนวนการสอบสวนและการอำนวยความยุติธรรม มาโดยตลอด ต้องดำเนินการด้วยความ รอบคอบ รวดเร็ว เป็นธรรม และ อาศัยพยานหลักฐานางนิติวิทยาศาตร์ หรือ พยานหลักฐานที่ยืนยันารกระทำความผิดเป็นสำคัญ และ เร่งคลี่คลาย ข้อสงสัยที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว และนักลงทุน ในกระบวนการยุติธรรมตามหลักสากล
