ไบโอแมทริกซ์ เจ๋ง! 3 วัน สกัดขบวนการพาสปอร์ตปลอม 8 ราย เป็นอิหร่านถึง 4 ราย

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 กันยายน ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม. พ.ต.อ.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ รอง ผบก.ตม.2 ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม และกวดขันจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย หรือที่มีพฤติกรรมจะเข้ามากระทำความผิดทางอาญาหรือก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 มีผลการจับกุมคดีสำคัญๆ จำนวน 8 ราย ดังนี้

เมื่อวันที่ 11 กันยายน เวลาประมาณ 08.20 น. จับกุมครอบครัวชาวอิหร่านทั้ง 3 ราย ใช้หนังสือเดินทางประเทศกรีซปลอม เพื่อใช้ในการเดินทางไปขอลี้ภัยที่ประเทศอังกฤษ โดยผู้เป็นพ่ออ้างว่าติดต่อนายหน้าชาวอิหร่านเพื่อจัดหาเอกสารเดินทาง ค่าใช้จ่ายประมาณ 50,000 ยูโร หรือประมาณ 1,700,000 บาท โดยต้องชำระล่วงหน้า 20,000 ยูโร ที่ประเทศอิหร่าน และเดินทางมารับหนังสือเดินทางที่ประเทศตุรกี ได้ชำระส่วนที่เหลืออีก 30,000 ยูโร ก่อนจะเดินทางมาประเทศไทยเพื่อใช้หนังสือเดินทางปลอมเล่มดังกล่าวในการเดินทาง

ต่อมาเวลาประมาณ 12.20 น. ของวันเดียวกัน สามารถจับกุมชายชาวอิหร่าน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน โดยใช้หนังสือเดินทางประเทศกรีซปลอม เพื่อใช้ในการเดินทางไปขอลี้ภัยที่ประเทศอังกฤษเช่นกัน โดยรายนี้ติดต่อนายหน้ารับหนังสือเดินทางที่ประเทศตุรกี และเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 4,000 ยูโร หรือประมาณ 136,000 บาท โดยหนังสือเดินทาง จำนวน 2 ใน 4 เล่ม ระบบไบโอแมทริกซ์ แจ้งเตือนว่าเป็นหนังสือเดินทางที่ถูกขโมย จากฐานข้อมูลของ อินเตอร์โพล ทางตำรวจ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จึงทำการแจ้งข้อหาชาวอิหร่านทั้ง 4 รายนี้ ในข้อหา “ใช้หรือมีไว้ใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ (หนังสือเดินทางประเทศกรีซปลอม)” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดำเนินคดี

วันที่ 12 กันยายน เวลาประมาณ 08.30 น. จับกุม 2 ผู้ต้องหาหญิงชาวปาเลสไตน์ ได้โดยสารเครื่องบินมาจากกรุงอาบูดาบี ใช้หนังสือเดินทางประเทศสวีเดนหน้าเหมือน ในการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะใช้หนังสือเดินทางหน้าเหมือนเดินทางไปขอลี้ภัยยังประเทศที่สาม โดยทั้ง 3 ราย ติดต่อนายหน้าที่ประเทศอิหร่าน มีค่าใช้จ่ายคนละ 12,500 ยูโร (หรือประมาณคนละ 375,000 บาท ซึ่งชำระล่วงหน้าคนละ 2,500 ยูโร หรือประมาณคนละ 75,000 บาท เมื่อครั้งติดต่อรับเล่ม และจะชำระส่วนที่เหลือเมื่อสามารถเดินทางไปยังประเทศที่สามสำเร็จ โดยระบบไบโอแมทริกซ์ อ่านค่าความเหมือนเปรียบเทียบภาพถ่ายจากชิปที่ฝังอยู่ในหนังสือเดินทางอีพาสปอร์ตกับภาพผู้โดยสาร พบว่ามีเปอร์เซ็นต์ความเหมือนกันนั้นมีค่าต่ำ ผู้โดยสารมีใบหน้า หู ตา จมูก และปาก แตกต่างจากภาพที่จัดเก็บในชิป ทางตำรวจ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จึงจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมแจ้งข้อหา “ใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดี

Advertisement

และวันที่ 13 กันยายน เวลาประมาณ 09.30 น. จับกุมชายชาวไนจีเรีย อายุ 31 ปี ใช้หนังสือเดินทางแอฟริกาใต้ปลอม เดินทางมาจากประเทศตุรกี เปลี่ยนเครื่องที่ประเทศกาตาร์ ก่อนที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะใช้หนังสือเดินทางปลอม เพื่อลักลอบไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้ รับหนังสือเดินทางจากนายหน้าชาวแอฟริกาใต้ เสียค่าดำเนินการประมาณ 600 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 18,000 บาท โดยระบบไบโอแมทริกซ์ สามารถตรวจสอบหน้าข้อมูลส่วนบุคคลด้วยแสงต่างๆ เช่น แสงยูวี แสงอินฟาเรด พบความผิดปกติของหน้าข้อมูลส่วนบุคคลเล่มดังกล่าว ตำรวจ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จับกุมชายคนดังกล่าวในข้อหา “ใช้หรือมีไว้ใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ (หนังสือเดินทางประเทศกรีซปลอม)” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดำเนินคดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image