‘ภรรยาบิลลี่’ ฝากผู้มี กม.ในมืออย่ารังแกคนอื่น ‘ดีเอสไอ’ นัดถกความคืบหน้าอาทิตย์นี้

เมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่มหาวิทยาลัยรังสิต จัดงานพิธีรำลึกถึงบิลลี่และเสวนาวิชาการ โดยนายบาดา ฟารุค ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ขึ้นกล่าวนำว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมวันนี้ และยินดีที่ได้อยู่เคียงข้าง น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ พร้อมครอบครัว ทั้งนี้ นายบิลลี่ พอละจี ถูกพบเห็นเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ในขณะถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ บริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แม้ภายหลังเจ้าหน้าที่อ้างว่าได้ปล่อยตัวไปแล้วแต่ก็ไม่ทราบชะตากรรมของเขาจนถึงปัจจุบัน กระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ เพื่อสืบสวนสอบสวนหาชะตากรรมบิลลี่ และเมื่อเร็วๆ นี้ดีเอสไอได้ประกาศว่าพบส่วนหนึ่งในร่างกายที่เชื่อว่าเป็นของบิลลี่บริเวณป่าแก่งระจาน

นายบาดากล่าวว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเรามองเห็นว่ากรณีของบิลลี่มีความสลับซับซ้อนและสำคัญมากในมิติด้านสิทธิมนุษยชน เพราะเกี่ยวข้องกับทั้งปัญหาการบังคับบุคคลสูญหาย การปกป้องทรัพยากรสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปกป้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และสิทธิของชาติพันธุ์ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯจะยืนอยู่เพื่อช่วยเหลือในการให้ความร่วมมือทางเทคนิคกับทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม และยังคงดำเนินต่อไปซึ่งความร่วมมือ โดยความช่วยเหลือของเราโดยเฉพาะไปสู่ครอบครัวของคนที่เป็นเหยื่อ

จากนั้นมีพิธีรำลึกถึงบิลลี่ตามความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ และเสวนาหัวข้อ การฆาตรกรรมอำพรางศพนายพอละจี หรือบิลลี่ บุคคลใดต้องรับผิดชอบ”

น.ส.พิณนภา หรือมึนอ ภรรยาของบิลลี่ กล่าวว่า ภายใน 5 ปีที่ผ่านมาลำบาก เปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่งที่ไม่มีเสาบ้านก็ไม่มั่นคง แข็งแรง เหมือนบ้านที่เสาหลักหายไป ตนเองต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน ในใจก็รอคอยว่าบิลลี่หายไปไหน เป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ รู้ว่าบิลลี่หายไปก็ช่วงเที่ยงวันที่ 18 เม.ย.2557 โดยพี่ชายของบิลลี่ที่โทรศัพท์มาถามว่าเขากลับถึงบ้านหรือยัง ตนบอกว่ายังไม่กลับ บิลลี่บอกว่าไปทำหน้าที่ที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และไปหาแม่ด้วย ไม่ได้บอกว่าจะค้างกี่คืน มีอะไรหรือไม่ พี่ชายบิลลี่บอกว่า เขาออกมาตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. ช่วงเที่ยงๆ และเอาน้ำผึ้งมาด้วย ถูกเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวไว้ หลังจากวางสายแล้วตนได้โทรหาเพื่อนๆ ของบิลลี่ทุกคน แต่ไม่มีคนไหนติดต่อบิลลี่ได้

Advertisement

น.ส.พิณนภากล่าวว่า จากนั้นเช้าวันที่ 19 เม.ย.ได้ชวนพี่ชายของตัวเองอีกคนหนึ่งและเพื่อนของบิลลี่ไปแจ้งความที่โรงพักแก่งกระจาน ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ยังไม่รับแจ้ง บอกว่าเราเป็นผู้เสียหายต้องหาข้อมูลมาแจ้ง เขามีหน้าที่รับแจ้งอย่างเดียว หากเอาข้อมูลมาให้ก็จะออกสืบให้ จากนั้นประมาณวันที่ 22-23 เม.ย. ตนกับพี่ๆ เครือข่ายกะเหรี่ยง รวมทั้งชาวบ้านได้ไปยื่นหนังสือที่ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ค้นหาบิลลี่ แต่การยื่นหนังสือครั้งนั้นไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้เขาออกนอกพื้นที่ จากนั้นได้ไปยื่นต่อศาล ทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกายกคำร้องหมด ตอนนั้นรู้สึกว่าความยุติธรรมมีไม่จริง ทั้งนี้ เคยไปยื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรีแต่ไม่มีอะไรคืบหน้า จนคดีไปหยุดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และดีเอสไอ กระทั่งตอนนี้รู้ว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้ว จากที่ดีเอสไอได้ช่วยติดตามให้จนถึงที่สุด ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมากๆ

“ถ้าให้พูดถึงคนที่มีกฎหมายอยู่ในมือ คุณควรปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่ควรรังแกคนที่ไม่มีกฎหมายอยู่ในมือ เช่น จับบิลลี่ไปแล้วไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย แล้วบิลลี่ก็หายไป ทุกคนมีชีวิตและจิตใจ เราควรจะรักกัน เป็นพี่น้องเผ่าพันธุ์เดียวกัน ไม่อยากให้คนที่มีกฎหมายอยู่ในมือหรือคนที่มีอำนาจสูงส่งคิดว่าตัวเองใหญ่ อยากให้ทุกคนเสมอภาค มีสิทธิเท่าเทียมกัน” น.ส.พิณนภากล่าว

นายชนม์สวัสดิ์ ประศาสน์ครุการ นักสืบสอบสวนชำนาญการพิเศษ กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 (ป.ป.ท.) กล่าวว่า ป.ป.ท.มีอำนาจหน้าที่และภารกิจหลักคือการไต่สวนความผิดเกี่ยวกับการทุจริตในภาครัฐ โดยฐานตั้งต้นของคดีที่เรารับแจ้งมี 2 มาตราที่เกี่ยวข้องคือมาตรา 157 เกี่ยวกับเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และมาตรา 200 เกี่ยวกับเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการสูญหายหรือเสียชีวิตชีวิตของบิลลี่แต่อย่างใด นั่นคือส่วนของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ดำเนินคดีกับบิลลี่แล้วไม่ดำเนินการ

Advertisement

นายชนม์สวัสดิ์กล่าวว่า จากนั้นเราตั้งกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงและดำเนินการมาตลอด โดยมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่ฝ่ายผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอนุกรรมการชุดแรก จึงมีการเปลี่ยนแปลงตัวอนุกรรมการไต่สวนผู้รับผิดชอบสำนวนคดีออกมาที่ส่วนกลาง ระหว่างนั้นเราดำเนินการต่อเนื่อง มีพยานไต่สวนราว 30 ปาก ทั้งนี้ ระหว่างไต่สวนข้อเท็จจริงมีการประสานรับทราบข้อมูลจากดีเอสไอว่าเขารับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งดีเอสไอรับดำเนินการไปแล้วและพบว่ามีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ซึ่งอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ท. ดีเอสไอจจึงเสนอไปที่ ป.ป.ช. โดยมติของกรรมการ ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องกลับมาที่ดีเอสไอรับผิดชอบดำเนินการ ทั้งนี้ ป.ป.ท.ถือว่ามูลคดีนี้เป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.รับไว้ดำเนินการแล้ว ทาง ป.ป.ท.จึงมีการหารือและประสานกับ ป.ป.ช. โดยสรุปคือ คดีนี้มีการส่งสำนวนไปที่ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562

พิธีรำลึกถึงบิลลี่ตามความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่า ภายหลังจากบิลลี่หายตัวไป ได้มีการนำเรื่องนี้มาร้องที่ดีเอสไอ ขณะนั้นตนทำงานที่สำนักภาค คุมพื้นที่ต่างจังหวัด ได้พยายามทำเรื่องการสูญหายของบิลลี่ ได้ลงไปพบมึนอที่บ้าน ช่วงนั้นทำอยู่ปีหนึ่งโดยมีเรื่องติดอยู่ในใจว่า 1.เห็นมึนอกับลูกแล้วสงสาร 2.คนเป็นสามีจะไปไหนได้โดยที่ไม่กลับบ้าน สร้างสมมุติฐานง่ายๆ คือจะมีพ่อคนไหนที่มีลูก 5 คนแล้วไม่กลับบ้าน สุดท้ายก็มีปัญหาว่าไม่มีใครรู้ว่าบิลลี่อยู่ที่ไหน ทั้งนี้ ดีเอสไอทำคดีที่ยุ่งยากสลับซับซ้อน คดีที่เกี่ยวกับองค์กรหรือขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งคดีที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือคดีที่มีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น เรามานั่งดูว่าคดีของบิลลี่เป็นอย่างไร ตอนแรกดูง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อน แค่คนหายไปหนึ่งคน กระทั่งวันหนึ่งมีการส่งไปรวมเรื่องที่ ป.ป.ท.เนื่องจากเจ้าพนักงานทุจริต ม.157 ช่วงนั้นได้เรียกลูกน้องมาถามถึงแม่บิลลี่รวมทั้งมึนอว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะคดีขาดช่วง เข้าปีที่ 4 ทำไมไม่มีอะไรเลย

“เราทำงานด้วยความทุ่มเท กระทั่งพบกระดูกบิลลี่แล้วพบว่าดีเอ็นเอตรงกับแม่ของเขา ทำให้เรารู้ว่ากระดูกชิ้นนี้เมื่อหลุดจากศีรษะมนุษย์ หมายความว่าเจ้าของกระดูกเสียชีวิตแล้ว รูปแบบคดีเปลี่ยนไป จากคดี ม.157 กลายเป็นคดีฆาตกรรม ซึ่งต้องเดินหน้าให้เต็มที่ เราไม่ได้พูดเพื่อจะบอกว่าเราเป็นคนดี แต่จะบอกว่าเราได้ทุ่มเทศักยภาพการทำงานเต็มรูปแบบเพื่อให้คดีนี้สำเร็จ” พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.กรวัชร์ได้เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีภายหลังการเสวนาว่า การสืบสวนพยานมีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง ได้พยานหลักฐานที่เรารวบรวมไว้บางส่วนแล้ว ภายในอาทิตย์นี้ท่านอธิบดีดีเอสไอจะนัดประชุมเรื่องความคืบหน้าในเรื่องนี้ คงจะมีบางเรื่องมาเรียนให้ทราบเพิ่มเติม แต่ตอนนี้เรื่องการดำเนินการขอให้เป็นเรื่องของการสอบสวนก่อน สำหรับวัตถุพยานเพิ่มเติมขอยังไม่บอก

เมื่อถามถึงประเด็นเรื่องความรัก ความเห็นใจในเพื่อนมนุษย์เป็นแรงผลักดันให้ตั้งคำถามกรณีบิลลี่นั้น พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า ผมได้เห็นครอบครัวเขา เห็นลูกเขาตัวเล็กๆ เขาไม่มีพ่อ พอเรื่องหายไป 1-2 ปีก็นอนไม่หลับ กลุ้มใจ เห็นแล้วไม่สบายใจ ต้องกลับมาทำ ซึ่งก็เป็นความโชคดีที่ได้เจอกระดูก ส่วนเรื่องกระบวนการก็ต้องดำเนินต่อไป

“เราพยายามทำเรื่องที่มีผลกระทบ พยายามทำความชัดเจนให้ดีที่สุด เดี๋ยวจะมีการประชุมกันก่อน ส่วนเรื่องหมายเรียกนั้นจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง กรณีระยะเวลา 3 เดือนนั้น ผมไม่ได้เป็นคนตั้งเป้า แต่ทางผู้ใหญ่เห็นว่าคดีนี้เป็นที่สนใจ จึงบอกว่าช่วงเวลา 3 เดือนคดีน่าจะใกล้ แต่ตอบว่า 3 เดือนเลย หากยังทำไม่เสร็จ หรือไม่ดีก็ไม่ได้ เราทำมาขนาดนี้แล้ว ต้องทำให้ละเอียด รอบคอบ พยายามทำให้เร็ว และผู้ใหญ่เองก็ได้เร่งรัด ให้เราทำให้ดี ช่วง 3 เดือนนี้น่าจะมีคำตอบค่อนข้างดี ตลอดจนพยานแวดล้อมส่วนใหญ่ก็ยังอยู่”

ทั้งนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ได้กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนแคปภาพนักท่องเที่ยวช่วงน้ำแก่งกระจานลด จนพบถังคล้ายๆ กับที่ดีเอสไอพบ ว่า ขอไปดูรายละเอียดอีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image