ตร.หาทางออกพงส.ทำ’อัตวินิบาตกรรม’เปิดโอกาสให้สมัครใจโยกย้ายไปสายงานถนัดได้

กรณีการทำอัตวินิบาตกรรมของพนักงานสอบสวน ช่วงระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา คือ 1.ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรมาบอำมฤต จังหวัดชุมพร 2.ร.ต.อ.สุรศักดิ์ สุวรรณศักดิ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ 3.ร.ต.อ.ทรงศักดิ์ ใจฉกรรจ์ รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองสิงห์บุรีที่กำลังอบรมหลักสูตรวิชาชีพงานสอบสวน และ4.ร.ต.อ.สุพจน์ สุขเกษม รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 กันยายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชานิ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ฝากแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิต จากปัญหาที่เกิดขึ้นได้มีการสำรวจอัตรากำลังของพนักงานสอบสวน พบว่า ตร. มีอัตราพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ 17,500 ราย แบ่งเป็นพนักงานสอบสวนชาย 11,000 ราย พนักงานสอบสวนหญิง 550 ราย มีตำแหน่งที่ว่าง 5,900 กว่าราย ในการแก้ไขปัญหาพนักงานสอบสวนที่เกิดขึ้น ปริมาณงานที่อาจจะล้นมือ หรือการแต่งตั้งที่ผิดฝั่งผิดฝา เอาบุคคลที่ไม่มีความชำนาญมาปฏิบัติหน้าที่ ทาง ผบ.ตร. ก็ได้สั่งการไปยัง พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และได้กำหนดกรอบการแก้ไขปัญหาในด้านนี้ออกเป็น 3 มิติ คือ 1.การแต่งตั้งในรอบ รอง ผบก.-สว. วาระประจำปี 2562 ที่จะถึงนี้ ก็เปิดโอกาสให้ข้าราชการตำรวจที่มีความประสงค์ขอย้ายกลับภูมิลำเนา หรือขอย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ตนเองคิดว่าน่าจะมีความถนัดมากกว่า ก็สามารถทำเรื่องสมัครใจขอย้ายได้ ซึ่งจะมีการพิจารณาในลำดับต่อไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกท่านที่ขอมาจะได้รับการตอบสนองทุกคน การบริหารงานผู้ที่มีหน้าที่แต่งตั้ง หรือผู้บังคับบัญชาต้องไปดูอัตราส่วนที่มีความเหมาะสมด้วย

2.มีการสำรวจผู้ที่จบ นรต. หรือผู้ที่จบปริญญาตรีมีคุณวุฒิทางด้านกฎหมาย สามารถไปดำรงตำแหน่งที่ทำหน้าที่สอบสวนได้ โดยจะมีการสอบถามความสมัครใจเพื่อแต่งตั้งไปลงตำแหน่งดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาทราบว่าการสอบสวนเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เพราะฉะนั้นจะมีการแต่งตั้งเพื่อที่ทำให้เกิดความยุติธรรมให้มากที่สุด และ3.การเพิ่มเจ้าหน้าที่ธุรการทางคดีหรือผู้ช่วยพนักงานสอบสวน เพื่อช่วยงานพนักงานสอบสวน ทั้งนี้การกำหนดเงินค่า ตำแหน่งที่ทำหน้าที่สอบสวนได้ให้ตามที่พึงมีพึงได้ การกำหนดเงินเพิ่ม สำหรับรองสารวัตร ได้รับเพิ่ม 1,2000 บาท ตำแหน่งสารวัตร ได้รับ 14,400 บาท ตำแหน่งรองผู้กำกับการ ได้เงินเพิ่ม 17,300 บาท ตำแหน่งผู้กำกับการ ได้เงินเพิ่ม 20,800 บาท ตำแหน่งรองผู้บังคับการ ได้เงินเพิ่ม 25,000 บาท ก็ถือว่าเป็นเงินเพิ่มผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสายสอบสวน เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุการทำอัตวินิบากรรมของพนักงานสอบสวนที่เกิดขึ้นนั้น หากบอกว่าเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ในสายสอบสวนคงไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด ก็มีหลายท่านที่เคยผ่านงานสอบสวนมาก็บอกว่าไม่ได้แย่อย่างที่คิด มันขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเวลาของ ตนเอง เมื่อไปดูภูมิหลังของแต่ละบุคคล มักไม่ใช่งานสอบสวนเป็นหลัก บางรายอาจจะมีโรคประจำตัว โรคซึมเศร้า หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาส่วนตัวได้ ซึ่งต้องให้ผู้ใกล้ชิด รวมถึง ผู้บังคับบัญชาคอยดูแลในลักษณะพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิดด้วย

Advertisement

พ.ต.อ.กฤษณะ ยังกล่าวอีกว่าการแต่งตั้งโยกย้ายในแต่ละปีต้องยอมรับว่า ผู้ที่ทำหน้าที่แต่งตั้งคงไม่สามารถตอบสนองได้ทุกราย การแต่งตั้งก็ต้องมองในภาพรวมว่า ในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบุคลากร 2 แสนกว่าคน การแต่งตั้งคงไม่สามารถทำตามใจผู้ที่มีความประสงค์ได้ทั้งหมด แต่ต้องดูในภาพรวมว่าจะต้องเอาคนกลุ่มนี้ไปวางในกลุ่มไหน สายงานใด และฝ่ายที่กรองอัตรากำลังก็ต้องวิเคราะห์อย่างใกล้ชิด ว่าการเจริญเติบโตในอนาคตของกลุ่มคนสายงานเหล่านี้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีการวิจารณ์ว่าการยุบแท่งพนักงานสอบสวนทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายที่หรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า การขยายงานสายหนึ่งและยุบงานสายหนึ่ง ก็คงเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชาในยุคนั้นๆ คงมีการผ่านกระบวนการ ผ่านการกลั่นกรองมาพอสมควรแล้ว จึงตกผลึกว่าในยุคใด ห้วงเวลาใดมีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image