‘บิ๊กอวบ’ แถลงครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณ โชว์จับแก๊งมันทุกเม็ด รวมยาบ้ากว่า 6 แสนเม็ด

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 30 กันยายน ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3, พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส., ตำรวจ บก.ทล และ บช.ภ.6 แถลงผลจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 3 คดี รวมของกลางยาบ้า 673,000 เม็ด ไอซ์ 12 กก. รวมมูลค่าของกลางและทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 195,700,000 บาท

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า คดีแรกจับกุม นายมงคล หอมนาน อายุ 40 ปี นายศิริพงศ์ ทองนิโรจน์ อายุ 31 ปี นายสุพจน์ ไรนุ่น อายุ 37 ปี นายวีระศักดิ์ คชสาร อายุ 34 ปี น.ส.นิตยา หนูอ่อน อายุ 50 ปี น.ส.เบญจวรรณ คงรอด อายุ 31 ปี และ น.ส.วิภาดา ทิวกลาง อายุ 26 ปี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 500,000 เม็ด รถยนต์ 3 คัน และโทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง จับกุมได้ที่ริมถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก กม.ที่ 274+600 ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก และหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงทรัพย์ไพรวัลย์ ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

การจับกุมครั้งนี้ได้รับเบาะแสว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดของนายมงคล เครือข่ายของนายปัณณวิชญ์ ประทุม หรือโก๋แก่ มันทุกเม็ด กำลังจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.หนองคาย หลังติดต่อซื้อขายยาเสพติดผ่านไลน์ พล.ต.ท.ชินภัทรจึงสั่งการให้ พล.ต.ต.วัชระ และ พ.ต.อ.ธีรเดช สืบสวนติดตามจนพบรถกระบะเชฟโรเลต ทะเบียน กต 2937 สุโขทัย ที่ต้องสงสัยเป็นของเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งขับผ่านจุดตรวจสันติสี่ ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก มุ่งหน้า จ.หนองคาย และมีรถยนต์ฮอนด้าซิตี้ สีเทา ทะเบียน กม 7595 ลำปาง ขับตามมามุ่งหน้าทิศทางเดียวกัน จึงเรียกให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ โดยนายมงคลเป็นผู้ขับรถกระบะเชฟโรเลตและมี น.ส.นิตยา นั่งมาด้วย ส่วนรถยนต์ฮอนด้าซิตี้ มีนายวีระศักดิ์เป็นคนขับ โดย น.ส.เบญจวรรณ และ น.ส.วิภาดานั่งมา

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า ขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบรถยนต์ทั้ง 2 คัน มีรถเก๋งโตโยต้าอัลติส ทะเบียน กจ 9871 สุโขทัย ขับฝ่าด่านตรวจไปอย่างรวดเร็วและคนในรถเก๋งดังกล่าวโยนวัตถุสีเหลืองออกมาจากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามก่อนเข้าตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวพบนายศิริพงศ์เป็นคนขับ และนายสุพจน์นั่งมา เมื่อตรวจค้นภายในรถยนต์พบกระสอบบรรจุยาบ้า 340,000 เม็ด ส่วนจุดที่ทั้งคู่ได้โยนยาเสพติด พบถุงซิปใส 16 ห่อ บรรจุยาบ้า 160,000 เม็ด รวมยาบ้าที่ตรวจยึดประมาณ 500,000 เม็ด จึงคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดีต่อไป

คดีต่อมาจับกุม นายฮวัง จวิ้น หาว อายุ 37 ปี และนายเฉิน อี้ หมิน อายุ 23 ปี สองผู้ต้องหาชาวไต้หวัน พร้อมของกลางไอซ์ 12 กิโลกรัม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง จับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านคลองเตย กรุงเทพฯ ภายหลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายฮวัง จวิ้น หาว เป็นผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศไทยไปยังไต้หวัน ซึ่งนายฮวังเคยฝากกระเป๋าเดินทางไว้ให้กับนายเฉิน อี้ หมิน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านคลองเตย ล่าสุดนายฮวังเดินทางเข้ามาประเทศไทยและเข้าพักที่โรงแรมดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อรับมอบของกลางจากนายเฉินก่อนถูกตำรวจจับกุมได้ จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี

Advertisement

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า อีกราย จับกุม นายอานนท์ หรือบาส เนียมไทย อายุ 31 ปี นายการุณ หรือกา แสงเรือง อายุ 28 ปี และนายรวีพงษ์ หรือเบียร์ มีสมกิจ อายุ 23 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 173,000 เม็ด รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”

โดยก่อนจับกุมสืบทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาจากนายทุนพ่อค้ายาเสพติดชายแดนภาคเหนือของไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน จึงเฝ้าติดตามพบผู้ต้องหาบริเวณศูนย์บริการทางหลวงกรุงเทพฯ-ชลบุรี มอเตอร์เวย์ (ขาเข้า) ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนเข้าตรวจค้นพบของกลางยาบ้ากว่าหลักแสนเม็ดดังกล่าว จึงแจ้งข้อหาพร้อมนำตัวและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนขยายผลออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ต่อไป

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า สำหรับการปราบปรามยาเสพติดที่ผ่านมาของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น มีผลเป็นที่น่าพึงพอใจ ส่วนนโยบายต่อจากนี้ก็จะต้องทำลายและสกัดกั้นเครือข่ายยาเสพติดอย่างขุดรากถอนโคน ซึ่ง บช.ปส.เป็นหน่วยงานหลักที่จะประสานทั้ง ป.ป.ส., ปปง., ทหาร และหน่วยเกี่ยวข้องดำเนินการอย่างสัมฤทธิผลตามที่รัฐบาลสั่งกำชับผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งภารกิจปราบปรามยาเสพติดเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่เพียงหน่วยใดหน่วยหนึ่งเท่านั้น

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้นับเป็นการทำงานจนวินาทีสุดท้ายในชีวิตข้าราชการตำรวจของ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ก่อนอำลาตำแหน่ง ภายหลังอายุครบกำหนดเกษียณราชการตำรวจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image