‘บิ๊กอู๊ด’ยัน ตม.ใช้งบประมาณคุ้มค่า พร้อมให้ป.ป.ช.ตรวจสอบ

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง

‘บิ๊กอู๊ด’ยัน ตม.ใช้งบประมาณคุ้มค่า พร้อมให้ป.ป.ช.ตรวจสอบ ไม่หวั่น ทำอย่างตรงไปตรงมา เน้นงานปราบปรามควบคู่พัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเข้ามาของคนต่างชาติ

กรณีนายไตรรงค์ ตันทสุข ทนายความนำเอกสารภาพถ่ายการจัดสัมมนาและข้อมูลการเบิกจ่ายงบประมาณของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไปยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิด พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยอ้างว่าเป็นผู้ตั้งโครงการและเบิกเงินงบประมาณของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไปจัดการสัมมนา 2 ครั้ง ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสัมมนาเพิ่มศักยภาพการทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และอีกโครงการเป็นการตั้งงบประมาณเพื่อเลี้ยงส่งข้าราชการเกษียณ โดยนายไตรรงค์ อ้างว่า ผู้ที่เข้าร่วมได้พาครอบครัวซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไปร่วมกิจกรรมและกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งถือว่าผิดวัตถุประสงค์การใช้งบประมาณของแผ่นดิน

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า โดยยืนยันว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ใช้เงินของประชาชนคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ซึ่งแต่เดิมสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นเพียงกองบังคับการ แต่ขณะนี้เป็นกองบัญชาการ จะต้องรองรับภารกิจ รัฐบาลด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว เขตเศรษฐกิจพิเศษในทุกภูมิภาค รวมถึง AEC จะมีการพัฒนาข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ เช่น เรื่องของรถไฟความเร็วสูง จะต้องมีการพัฒนาบุคลากรจากเดิมที่มีเพียง 3,000 คน โดยปัจุบันมีกำลังพลกว่า 6,000 คน โดยพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2552 และแก้ไขเพิ่มเติมให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีทุกจังหวัด จากเดิมที่มีบางจังหวัดตามหน้าด่านชายแดนขณะนี้มีจำนวน 78 ด่าน ตม. (รวมเบตง และเชียงแสน) ไม่รวม กทม. ดังนั้นการทำงานของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองต้องเตรียมการรองรับในเรื่องต่างๆ และให้ทันยุคทันสมัย มีประสิทธิภาพ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ล่าสุดได้รับบุคคลภายนอกมาเพิ่มอีก 900 นาย เป็นชั้นประทวน บรรจุให้ทำงานเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา และคัดสรรกำลังพลชั้นประทวนเป็นสัญญาบัตร จำนวน 163 อัตรา จะแต่งตั้งในวันที่ 10 ตุลาคม 2562 นี้

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ตามกฎหมายคนเข้าเมืองปีละประมาณ 10,160,000 บาท รวมถึงค่าปรับ เช่น กรณีโอเวอร์สเตย์ปีละประมาณ 250 ล้านบาท และมีสถิติคนต่างชาติเดินทางเข้าออกประมาณ 30 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 80,000 คน โดยมีแนวโน้มการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวและบุคคลต่างชาติเดินทางเข้าออกประเทศเพิ่มมากขึ้น หากไม่มีการพัฒนาหรือไม่มีองค์ความรู้ หากเราไม่พร้อมเรก็จะเสียโอกาส โดยเฉพาะเรื่องภาษา การสังเกตบุคคล การใช้เทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์ รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่จะต้องเตรียมความพร้อม การรับคนต่างชาติเข้ามาในประเทศเรามีความพร้อมแล้วหรือไม่ การพัฒนาบุคลากรจาก 3,000 คน เป็น 6,000 คน จะต้องมีการเตรียมความพร้อม หัวหน้าด่านทุกด่านจะต้องมีองค์ความรู้ สิ่งสำคัญคือคนที่รับราชการมาอายุ 35-40 ปี ตลอดอายุราชการ ประสบการณ์หาซื้อไม่ได้ หากไม่จัดสัมมนากลุ่มย่อย เพื่อเอาประสบการณ์เอาความรู้ และสิ่งที่เขาสัมผัสกับหน้างานของเขาทั้งชีวิต บางครั้งมองว่าดีกว่าเรียนปริญญาอีก จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งไปดูของจริง ทั้งทางทฤษฎีและหน้าด่าน ด้านการทำสาธารณประโยชน์

Advertisement

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวอีกว่า ใครก็ตามที่ทำให้เราเสียหาย เราก็จะต้องปกป้องสิทธิ พร้อมยินดีให้ตรวจสอบ ยืนยันว่าทำอย่างตรงไปตรงมา แต่อย่าเอาเรื่องที่ไม่จริงแล้วมาพูด ทั้งนี้ตนไม่หวั่นไหว เพราะทำอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันว่าใช้เงินอย่างคุ้มค่า รับนโยบายมาแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ งานปราบปรามเราต้องทำ งานพัฒนาก็ต้องควบคู่กันไป หากเครื่องมือดีแต่คนไม่พัฒนาก็เปล่าประโยชน์ เราจึงต้องพัฒนาคนด้วย อันดับแรกจะต้องพัฒนาหัวหน้าหน่วย เพราะหัวหน้าหน่วยจะต้องไปประชุมชี้แจงไปให้ความรู้ผู้ใต้บังคับบัญชา ไปกำกับการดูแลบริหาร จะต้องรู้ทุกหน้างาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image