ฝากขังอุสตาซ เครือข่ายบีอาร์เอ็นเบื้องหลังฆ่า 2 อาสา ตั้งข้อหาหนักกบฏ-ก่อการร้าย เปิดเเผนบันได 7 ขั้น

ฝากขังอุสตาซ เครือข่ายบีอาร์เอ็นเบื้องหลังฆ่า 2 อาสา ตั้งข้อหาหนักกบฏ-ก่อการร้าย เปิดเเผนบันได 7ขั้น ใครถอนตัวถูกสั่งฆ่า

เมื่อเวลา 09.45 น.วันที่ 4 ตุลาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายพงศธร อินอำนวย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษกรมสอบสวนคดพิเศษ (ดีเอสไอ) คุมตัวนายมาหะมะรอมือลี สาแม อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/2 หมู่ที่ 3 ตำบลลำใหม่ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 87/2548 ลงวันที่ 7 ม.ค.2548 ข้อหาร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักรอันเป็นความผิดฐานกบฏ, สะสมกำลังพลหรืออาวุธตระเตรียมการอื่นใดหรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏหรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อเป็นกบฏหรือรู้ว่ามีผู้จะเป็นกบฏแล้วกระทำการใดเป็นการช่วยปกปิดไว้, ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรืออันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกายกระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ การกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดหวั่นในหมู่ประชาชนอันเป็นลักษณะการกระทำผิดฐานก่อการร้าย, สะสมกำลังพลหรืออาวุธจัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินหรือรับการฝึกการก่อการร้ายสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อก่อการร้าย ไปฝากขังผัดแรกมีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 4-15 ต.ค.2562

คำร้องฝากขังระบุว่า ผู้ต้องหาได้ร่วมกับผู้ต้องหาอื่นๆ ในคดีนี้กระทำความผิดโดยร่วมกันเป็นกลุ่มบุคคลร่วมกันดำเนินการเป็นขบวนการและมีวัตถุประสงค์แบ่งแยกดินแดนใน 5 จังหวัดชายแดนใต้คือ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สตูล และสงขลา มีการวางแผนและดำเนินการในลักษณะใช้วิธีการกระทำความผิดร่วมใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักรอันเป็นความผิดฐานกบฏ จากการสอบสวนข้อเท็จจริงคือการสืบสวนสอบสวนติดตามอาวุธปืนและคนร้ายในคดีปล้นปืนของทางราชการจำนวน 4 คดีซึ่งเป็นคดีพิเศษมีอาวุธปืนที่ถูกปล้นจำนวน 4 ครั้งรวม 478 กระบอก ยังไม่สามารถติดตามคืนได้ เหตุปล้นปืนทั้ง 4 คดีดังกล่าวเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนใต้มีนายสะแปอิง บาซอ ครูใหญ่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ เป็นหัวหน้าขบวนการแบ่งแยกดินแดน เกี่ยวข้องกับการปล้นอาวุธปืนของทางราชการรวมทั้งก่อคดีความไม่สงบที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกหลายคดี

โดยมีพยานซึ่งเป็นสมาชิกในขบวนการให้การสนับสนุนจำนวนหลายปากและในทางสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืนชนิด เอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอกมาตรวจสอบพิสูจน์แล้วเป็นปืนที่ถูกปล้นไปจากกองพันพัฒนาที่ 4 อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส และการยึดอาวุธปืนชนิด เฮชเค 33 จำนวน 1 กระบอก เมื่อได้ตรวจพิสูจน์แล้วพบว่า เป็นปืนที่ปล้นมาจากอุทยานบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา จากการวิเคราะห์ผลการซักถามบุคคลจำนวนหลายร้อยคนยืนยันว่ามีขบวนการแบ่งแยกดินแดนจริงใช้ชื่อว่า บีอาร์เอ็น โค-ออร์ดิเนต (BRN co-ordinate) ในการสอบสวนพบว่าเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันคือปี 2545 เกิดเหตุ 51 ครั้ง, ปี 2546 เกิดเหตุ 54 ครั้ง, ปี 2547 เกิดเหตุ 496 ครั้ง โดยเฉพาะในปี 2547 พบว่ามีการลอบยิงประมาณ 600 ครั้ง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตและบาดเจ็บ 136 คน กำนันผู้ใหญ่บ้าน 30 คน เจ้าหน้าที่รัฐอื่น ๆ 120 คน

Advertisement

จากการตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุพบว่ามีการนำอาวุธปืนกระบอกเดียวกันมาใช้ก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ ชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวมีกลุ่มบุคคลที่ได้ร่วมกันวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนในการดำเนินการอย่างเป็นกระบวนการ เริ่มตั้งแต่มีการจัดตั้งมวลชน ปลุกระดม ปลูกฝังแนวความคิดโดยนำประวัติศาสตร์บางตอนและคำสอนของศาสนามาบิดเบือนในการใช้ปลุกระดม นำความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐมาอ้างเป็นเงื่อนไข จากการสอบสวนพบว่ากระบวนการดังกล่าวได้มีการวางแผนมาเป็นเวลานานเป็นแผนบันได 7 ขั้น เพื่อไปสู่การแบ่งแยกดินแดนได้ใช้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาโรงเรียนปอเนาะและตาดีกาในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส ใช้บังหน้าและแฝงตัวใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย

แกนนำของขบวนการ ได้แก่ นายสะแปอิง บาซอ, นายอดุลย์ มูณี, นายการียา ยะลาแป, นายแวยูโซะ แวดือราแม และ นายหีพนี มะเร๊ะ โดยเป็นผู้ร่วมกันกำหนดนโยบายเช่น การปล้นอาวุธปืนของทางราชการ ตามนโยบายของกลุ่มที่ว่า “ปืนของรัฐคือปืนของเรา” การทำลายพืชผลทางการเกษตรและการวางนโยบายว่าหากสมาชิกคนใดจะถอนตัวออกจากกระบวนการหรือให้ข้อมูลกับทางราชการหรือไปเป็นพยานให้กับทางราชการแกนนำของขบวนการจะมีคำสั่งให้ฆ่าบุคคลดังกล่าว

พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทุกชนิด ทั้งจากพยานหลักฐานเดิมที่ได้มีแนวทางในการสืบสวนไว้ จากหน่วยงานต่างๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐและคดีสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นที่สามารถแสดงได้ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มบุคคล ซึ่งการกระทำเป็นขบวนการและมีวัตถุประสงค์พิเศษซึ่งเป็นเรื่องของกบฏ ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร รวมถึงการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ มีพยานหลักฐานที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงแห่งคดีในความผิดที่กล่าวหา ในคดีนี้ได้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเห็นว่า นายมะหะมะรอมือลี สาแม ผู้ต้องหา เป็นผู้จัดตั้งมวลชนแนวร่วมเป็นกองกำลังจัดการประชุมเพื่อหาผู้ที่จะเข้าเป็นแนวร่วมของกระบวนการโดยการปลุกระดม เผยแพร่อุดมการณ์ชาตินิยม โดยบิดเบือนคำสอนในศาสนาเป็นผู้ที่มีความคิดรุนแรงในอุดมการณ์ชาติปัตตานี

โดยเมื่อวันที่ 3 ต.ค.2562 เวลาประมาณ 10.00 น.เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ติดตามจับกุมตัวนายมะหะมะรอมือลี สาแม ผู้ต้องหาได้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาไม่ขอให้การใดๆ ทั้งนี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากอยู่ระหว่างการรอผลตรวจประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหา ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงขอศาลฝากขังผู้ต้องหารายนี้

อนึ่งผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับตั้งแต่ปี 2548 และมีการประกาศให้เงินรางวัลผู้นำจับจากหน่วยงานรัฐตั้งแต่ปี 2551 เชื่อว่าผู้ต้องหาทราบถึงการถูกออกหมายจับมาโดยตลอดแต่ได้หลบหนี ในระหว่างหลบหนีได้กระทำการในลักษณะเดียวกันกับความผิดในคดีนี้อยู่อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน พบว่าเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2562 มีกลุ่มบุคคลรอบวางระเบิดและซุ่มยิงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครชุดคุ้มครองตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยครูโรงเรียนควนปะ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 คนและได้รับบาดเจ็บ 4 คน จากการสืบสวนสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาเป็นผู้รวมดำเนินการด้วยการเป็นคนจัดหาโทรศัพท์ และ ซิม การ์ด ให้ผู้ก่อเหตุไปใช้ในการวางระเบิด ทั้งนี้หากผู้ต้องหาขอปล่อยชั่วคราวพนักงานสอบสวนคดีพิเศษขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้

ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ไม่ปรากฏว่า มีญาติหรือทนายความยืนคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังไวัที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image