จากกรณีพริตตี้สาวชาวบุรีรัมย์ เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ว่าถูกเสี่ยท็อป อ้างรวยหมื่นล้าน หลอกให้แต่งงาน จดทะเบียนสมรส โดยมีการจัดงานแต่งใหญ่โตที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ แต่สุดท้ายทิ้งหนี้ทั้งหมดไว้ให้ 3.5 ล้านบาท ก่อนพบความจริงว่าที่แท้เสี่ยท็อปเป็นพ่อค้าขายเห็ดทอด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ดร.นพ. วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมส่งเสริมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์พฤติกรรมของเสี่ยกำมะลอ ว่า ดูยากว่าป่วยทางจิตหรือไม่ ถ้าไม่ได้ซักประวัติ เนื่องจากคนทั่วไปมีโอกาสทำให้คนอื่นเสียหาย กระทำลงไปเพื่อเงินทอง หรือเพื่อประโยชน์ตัวเองก็มี ดังนั้นคนที่ชอบหลอกลวงคนอื่น ไม่ได้ถือว่ามีปัญหาสุขภาพจิต เพราะในสังคมไทยคนที่มีพฤติกรรมหลอกลวงเยอะแยะ ทั้งหลอกลวงให้ได้มาซึ่งชื่อเสียง เงินทอง ซึ่งเป็นพวกมิจฉาชีพ แต่ถ้าทำลงไปแล้วตัวเองไม่ได้ประโยชน์ แล้วยังเสียหายตัวเอง นั่นอาจมีปัญหาสุขภาพจิต แต่ไม่ใช่ว่ามีปัญหาสุขภาพจิตแล้วจะไม่ได้รับโทษทางกฎหมาย ก็ต้องมีการตรวจสอบโดยจิตแพทย์ร่วมประเมินว่าจะรับโทษทางกฎหมายหรือไม่
“ในสังคมเป็นเรื่องปกติที่คนต้องการให้สังคมยอมรับ งเป็นพฤติกรรมที่ปกติของมนุษย์ ที่มีความอยากได้ อยากมี อยากเป็น แต่ถ้าพฤติกรรมนี้มีมากกว่าคนปกติ ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ โดยมีเรื่องโกง หลอกลวง คอร์รัปชั่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องดูว่าความตั้งใจที่ทำนั้นเกิดจากอะไร ดังนั้น จึงก้ำกึ่ง ไม่สามารถพูดได้ว่าป่วยหรือไม่ จะพูดได้ก็ต่อเมื่อได้ซักประวัติ วินิจฉัยก่อน”ดร.นพ.วรตม์กล่าว
