ตม.แถลงจับเจ๊ชาวลาวโอเกะค้ากาม-ขบวนการปลอมพาสปอร์ตให้ต่างด้าว

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1,พ.ต.อ.ธัชพงศ์ สารวนางกูร ผกก.กก.2 บก.ตม.1 และ พ.ต.อ.ชัชวาลย์ ทิพย์พิชัย ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมของตำรวจ บก.ตม.1 ได้แก่ 1. จับกุมสาวลาวเปิดคาราโอเกะลักลอบค้ามนุษย์ 2.จับกุมขบวนการปลอมพาสปอร์ตให้การแรงงานต่างด้าว

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า คดีแรก ตำรวจชุดสืบสวน บก.ตม.1 ได้เข้าตรวจสอบร้านสบายดีคาราโอเกะ ถนนกำแพงเพชร 7 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. พบหญิงสาว 5 คน สัญชาติลาว กำลังทำงานนั่งดื่มกินและมีการโอบกอดกับลูกค้าอยู่ จึงแสดงตัวและเข้าจับกุม น.ส.บี (นามสมมุติ) รับเป็นผู้ดูแลร้านคาราโอเกะและเป็นผู้รับหญิงสาวทั้งหมดเข้าทำงาน,นางคำภูวัน และนางพัดละดา สองชาวลาว นอกจากนี้พบพนักงานนั่งดริ๊งค์อายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 2 ราย ให้การว่ามีหน้าที่ให้บริการลูกค้า แต่งกายวาบหวิว ยั่วยวนทางเพศ คอยนั่งดื่มกินและให้บริการลูกค้า ซึ่งลูกค้าสามารถแตะเนื้อต้องตัวได้ โดยจะได้ค่าดื่มครั้งละ 120 บาท และหากพาออกนอกสถานที่จะต้องจ่ายให้ทางร้านเพิ่มอีก 300 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากับน.ส.บี ว่า “ค้ามนุษย์โดยการแสวงหา ประโยชน์โดยมิชอบในทางเพศในรูปแบบให้บริการทางอนาจาร กระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าแต่ยังไม่ถึงสิบแปดปี ชักจูง ส่งเสริม ยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด อันมีลักษณะเป็นการ ลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทน หรือเพื่อการใด และเป็นนายจ้างรับผู้ที่มีอายุต่ากว่าสิบแปดปี บริบูรณ์เข้าทำงานในสถานบริการโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สตม.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อีกคดี จับกุมชาวเมียนมา รวมทั้งสิ้น 11 คน ประกอบด้วย ผู้ต้องหาขบวนการปลอมพาสปอร์ต 4 ราย และ หลบหนีเข้าเมือง 6 ราย หลังจากที่ตำรวจ บก.ตม.1 ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.ตาก ขยายผลจับกุมขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง 3 สัญชาติ รายใหญ่ที่ถูกตำรวจจับกุมในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยสืบทราบว่ามีการลักลอบส่งหนังสือเดินทางปลอมมาในรูปแบบพัสดุ ฝากมากับรถตู้ประจำทางสายแม่สอด-กรุงเทพ จึงเฝ้าติดตามจนกระทั่งพบหญิงชาวเมียน เดินทางมาขอรับพัสดุดังกล่าว ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม เบื้องต้นผู้ต้องหาจึงให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นผู้ว่าจ้างนายหน้าในประเทศเมียนมา จัดทำเล่มพาสปอร์ต ในราคาเล่มละประมาณ 20,000 บาท ตำรวจจึงพาตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นบ้านพัก ย่านบางบัวทอง พบตัวผู้ต้องหาชาวเมียนเพิ่มอีก 10 คน จึงนำตัวมาคัดแยกเหยื่อ ทราบว่ามีชาวเมียนมาครอบครองพาสปอร์ตปลอมแล้ว รวม 4 ราย จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันปลอมแปลงพาสปอร์ต” ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือตำรวจแจ้งข้อหา “หลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำส่งพนักงานสอบสวน บช.สตม. ดำเนินคดีต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image