อยู่อย่างหวาดระแวง หนุ่มอดีตเพื่อนบ้านปาหินใส่กลางดึก สะดุ้งทุกคืน

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม กรณีคลิปวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ชายคนหนึ่งนำสิ่งของมาขว้างปาใส่ตัวบ้าน และเดินไปเดินมาหน้าบ้านอยู่หลายครั้ง ทำให้เจ้าของบ้านเกรงจะไม่ปลอดภัย

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านยูริ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม.ซึ่งเป็นบ้านผู้เสียหาย พบกับ น.ส.เขมนิจ แก้วพินิจ อายุ 31 ปี กล่าวว่า ชายผู้ก่อเหตุคือนายแหลมศักดิ์ ศรีลำ อายุ 47 ปี เคยเป็นเพื่อนบ้านหลังติดกันมานานหลายปี กระทั่งครอบครัวนายแหลมศักดิ์ย้ายออกไป โดยไม่บอกกล่าว มาทราบอีกครั้งก็เมื่อมีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาอยู่แล้วช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งตั้งแต่เดือนสิงหาคมมาจนถึงปัจจุบัน ร่วม 3 เดือน นายแหลมศักดิ์ก็เริ่มมาป้วนเปี้ยนบริเวณหน้าบ้านในเวลากลางดึก หลังๆ เริ่มนำก้อนหินมาขว้างปาใส่หน้าบ้าน จนทรัพย์สินเสียหาย เมื่อพยายามจะออกมาพูดคุย นายแหลมศักดิ์กลับวิ่งหนีไม่ยอมคุยด้วย ส่วนตัวยอมรับว่ารู้สึกกังวล นอนหลับไม่สนิท สะดุ้งตื่นทุกคืน และไม่กล้าออกไปไหน เพราะจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ทราบว่านายแหลมศักดิ์โกรธเคืองเรื่องอะไร เพราะตลอดหลายปีที่เป็นเพื่อนบ้านกันมา ก็ไม่เคยมีปัญหา หรือทะเลาะเบาะแว้ง แต่มีคนมาบอกว่านายแหลมศักดิ์ไปพูดว่าแม่ของตนไปแจ้งตำรวจมาจับเจ้าตัว เพราะเสพยาเสพติด ซึ่งก็ไม่เป็นความจริง และไม่ทราบว่านานแหลมศักดิ์นำเรื่องนี้มาจากไหน แต่ยืนยันว่าครอบครัวตนไม่เคยคิดร้ายหรือไปแจ้งจับเรื่องยาเสพติดใดๆ

ด้าน นางศิริณา จินาอ่อน อายุ 62 ปี แม่ของ น.ส.เขมนิจ กล่าวว่า อยากเจอตัวนายแหลมศักดิ์ เพื่อจะถามว่าทำไมต้องมาปาหินใส่บ้าน แค้นเคืองอะไร ทำไมไม่มาบอกมาพูดกัน ทุกวันนี้ต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวง ตนก็มีลูกสาว สามีก็ไม่สบาย อยู่ระหว่างพักฟื้น ก็มาคอยระวังตัว เพราะไม่รู้จะเข้ามาก่อเหตุตอนไหน
ด้าน น.ส.หนูนิตย์ พลเสน อายุ 35 ปี ซึ่งอยู่ตรงข้ามที่เกิดเหตุ ก็รับว่าเป็นเพื่อนกับภรรยาของนายแหลมศักดิ์ และเพิ่งทราบเรื่องที่นายแหลมศักดิ์มาปาหินใส่เพื่อนบ้าน แต่ไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร และไม่กล้าถาม แต่นายแหลมศักดิ์ อ้างว่าบ้านคู่กรณีเล่นของใส่ ทำให้นายแหลมศักดิ์ต้องมาเอาคืน ยอมรับว่าตอนนี้ตนและครอบครัวกลัวจะได้รับอันตราย เพราะรู้สึกว่านายแหลมศักดิ์มีท่าทีเปลี่ยนไป

ต่อมา พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สน.ห้วยขวาง เข้าตรวจที่บ้านเกิดเหตุ และพูดคุยกับคุณกานต์สินีว่า มาสอบปากคำ และดูที่เกิดเหตุเพิ่มเติม ยืนยันว่าทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และทางผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้แล้ว 3 ครั้ง แบ่งเป็น 3 คดี ต่างกรรมต่างวาระ ในข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ และได้ออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อหาแล้ว หากยังไม่มาตามหมายเรียกครั้งที่ 2 เตรียมออกหมายจับ ทั้งนี้ ได้ส่งสายตรวจไปตรวจที่บ้านเกิดเหตุบ่อยครั้ง ตามช่วงเวลาที่ผู้เสียหายระบุว่าคนร้ายมักมาก่อเหตุ คือ ช่วงกลางดึก และเช้ามืด เพื่อป้องกันเหตุควบคู่ไปด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image