พ่อ ‘เอ็ม’ มือฆ่าเศรษฐินีนักบุญ เครียด! วอนอย่ามาถาม ให้เป็นไปตามเวรกรรมลูกชาย

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นายสุตั๋น ศรีตะบุตร์ อายุ 72 ปี ชาวบ้านท่าโทก ต.ทุ่งฝาย อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพ่อของ นายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร์ อายุ 39 ปี ชื่อเล่นเอ็ม หรือตั้ม ผู้ต้องหาในคดีฆ่านางวรรณี จิรเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี เศรษฐินีนักปฎิบัติธรรม ที่บ้านพักใน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ได้บอกกับผู้สื่อข่าว ว่า หลังจากลูกชายถูกจับกุมตัวได้ที่ จ.นครสวรรค์ ก็มีผู้คนสอบถามตนเองอยู่อย่างต่อเนื่อง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมา ก่อนที่จะถูกจับกุม ก็มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้สื่อข่าวหลายสำนักเดินทางมาที่บ้าน เพื่อสอบถามความคิดเห็น และความรู้สึก อยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกเหนื่อย กระทั่งลูกชายถูกจับกุมตัวได้แล้ว ก็มีผู้คน และผู้สื่อข่าวเข้ามาสอบถามเหตุการณ์กันอีก จึงยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อย และเครียดมากขึ้น จึงวอนขอให้ทุกคนอย่าได้สอบถามเรื่องราวนี้อีก ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และตามเวรตามกรรมที่ลูกชายก่อขึ้น

อย่าได้มาสอบถามอะไรตนเองอีกเลย เพราะตนเองไม่รู้อะไร ซึ่งถึงแม้ตนเองจะไปพักอยู่กับลูกชายที่บ้านเช่าใน จ.เชียงใหม่ แต่ก็ไม่รู้เห็น หรือทราบอะไร กรณี นายวิฑูรย์ จะไปรู้จักกับใคร รวมถึงผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องของการก่อเหตุ เพราะ นายวิฑูรย์ ลูกชาย ได้หายออกจากบ้านไป ตั้งแต่ต้นเดือน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2562 จนไปก่อเหตุ และหลบหนี ซึ่งตั้งแต่วันนั้น จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ได้พบหน้ากัน

นายสุตั๋นกล่าวว่า ทราบข่าวนำเสนอออกทางโทรทัศน์ ตอนแรกตกใจมากที่เห็นข่าว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อลูกได้ และก็ไม่ได้บอกแม่ เพราะแม่ป่วยอาการทางจิต เกรงว่า จะได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจ ทั้งนี้ เดิมทีตนเองได้เดินทางไปอยู่บ้านเช่ากับลูกชายที่ จ.เชียงใหม่ จริง ซึ่งก็ใช้ชีวิตตามปกติ หลังเลิกจากการทำงานทุกวัน ลูกก็จะหาข้าว หรือทำอาหารให้กิน

“สำหรับกรณีที่มาเช่าบ้านอยู่ ซึ่งได้ไปอยู่ด้วย เนื่องจากลูกชายมีปัญหากับพ่อภรรยาเก่าที่มีลูกด้วยกัน 2 คน และกำลังตั้งท้อง โดยได้เลิกรากันนานหลายเดือน แต่ก็เจอลูกบ้าง ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต กระทั่งลูกชายได้หายตัวไป ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2562 จนถึงขณะนี้ ก็ไม่ได้รับการติดต่อเข้ามา กระทั่งมาทราบเรื่องว่า ไปก่อเหตุดังกล่าว”

Advertisement

นายสุตั๋นยังเปิดเผยอีกว่า ส่วนปัญหาเรื่องการเงินของลูกชายนั้น หรือการที่ไปรู้จักกับผู้เสียชีวิต ตนเองก็ไม่ทราบ เพราะลูกชายก็ไม่ได้บอกอะไร ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตตามปกติ ยืนยันว่า หลังเกิดเหตุ ไม่ได้รับการติดต่ออะไรเข้ามาจากลูกชาย และกรณีที่ลูกชายไปตระเวนใช้บัตรเอทีเอ็มของผู้เสียชีวิตไปไล่กดตามตู้เอทีเอ็ม ก็ไม่ได้เอาเงินส่วนนั้นมาให้ตนเอง ซึ่งหลังจากทราบเรื่องว่า ลูกชายไปก่อเหตุ และหนีไป ทำให้ตนเองอยู่คนเดียวที่บ้านเช่าใน จ.เชียงใหม่ จึงเดินทางกลับมาอยู่บ้านที่ จ.ลำปาง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image