เลขาฯรมว.ยุติธรรมนำทีม พบ ผบ.ตร.ขอรวบรวมคดีแชร์แม่มณี ให้ ดีเอสไอ 15 พ.ย.นี้ หลังรับเป็นคดีพิเศษ ออกหมายจับอีกพร้อมเร่งรัดจับกุม – เชื่อยังมีตัวการร่วมเป็นแม่ทีมอีกหลายคน ยอดผู้เสียหายพุ่ง 3 พันรายเสียหาย 800 ล้าน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ห้องพรหมนอก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อม พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางข้าพบ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อหารือและบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการลงทุนแชร์แม่มณี รวมถึงการเร่งติดตามยึดอายัดทรัพย์สินมาคืนให้แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จึงเสร็จสิ้น
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เปิดเผยภายหลังการเข้าหารือว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เป็นหัวหน้าคณะมาหารือในการทำงานร่วมกัน กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติใน 2 ประเด็นหลัก คือ เรื่องแรกคือการเปิดศูนย์ยุติธรรมสร้างสุขที่เป็นจุดรับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึง ลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึงปัญหาที่ไมได้รับการแก้ไขในภาคสังคม ซึ่งตอนนี้มีศูนย์ยุติธรรมสร้างสุขกว่า 7 พันจุด เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน ซึ่งในศูนย์นี้แบ่งเป็น 3 มิติ คือ การรับเรื่องราวร้องทุกข์ในภาคสังคม การรับเรื่องราวร้องทุกข์ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยหลังจากเปิดศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข ก็ได้มีประชาชนมายื่นเรื่องที่เกี่ยวกับคดีดังตอนนี้คือเรื่องแชร์แม่มณี หลังจากนั้นทาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้อธิบดีดีเอสไอ นำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับคณะทำงานเพื่อนำคดีดังกล่าวขึ้นมาเป็นคดีพิเศษ ซึ่งตอนนี้อธิบดีดีเอสไอ ได้ลงนามรับเป็นคดีพิเศษแล้ว
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่าอีกว่า สำหรับข้อหารือคดีดังกล่าวกับ ผบ.ตร. เนื่องจากมีการร้องทุกข์กล่าวโทษไว้หลายท้องที่ บางส่วนไปร้องที่กองปราบปราม จึงได้ขอความร่วมมือจาก ผบ.ตร. ให้มีข้อสั่งการไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้ทำการสืบสวนสอบสวนให้แล้วเสร็จ และโอนสำนวนคดีดังกล่าวมาที่ดีเอสไอในวันที่ 15 พฤศจิกายน โดยขณะนี้ประชาชนยังสามารถไปร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ และสามารถลงทะเบียนร้องทุกข์ผ่านทางเว็บไซต์ของดีเอสไอก็ได้ โดยสำนวนทั้งหมดจะถูกรวมและส่งมาเป็นคดีพิเศษให้กับดีเอสไอในวันที่ 15 พฤศจิกายน นี้ จากนี้ไปทางดีเอสไอจะเป็นเจ้าภาพหลัก เพราะเข้าเงื่อนไขพระราชบัญญัติคดีพิเศษ มีผู้เสียหายมากกว่า 300 คน มีทุนทรัพย์ความเสียหายเกิน 200 ล้านบาท
ด้านพ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า การติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ทางดีเอสไอได้จัดชุดสืบสวนติดตามจับกุมแล้ว จากการตรวจสอบตามด่านต่างๆ ก็ยังไม่พบตัว ซึ่งขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ ปปง. เพื่อติดตามยึดทรัพย์ที่จะดำเนินการควบคู่กันไป โดยดีเอสไอที่รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหายผ่านทางออนไลน์แล้วล่าสุดมียอดมากกว่า 3,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 800 ล้านบาท
ขณะที่นายปิยะศิริ กล่าวถึงการติดตามตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ ว่า เบื้องต้นดีเอสไอได้ไปขอศาลอาญาออกหมายจับน.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช เพิ่มเติมแล้ว ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยเบื้องต้นดีเอสไอได้ออกหมายจับเพียงน.ส.วันทนีย์ เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งดีเอสไอได้จัดชุดสืบสวนในการเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยได้ประสานไปยังช่องทางตามด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนเรื่องช่องทางธรรมชาติขอตรวจสอบก่อน แต่เชื่อว่าคดีนี้มีผู้ร่วมกระทำความผิด มากกว่า 2 คนแน่นอน แต่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้เกิดความชัดเจน ซึ่งนอกจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วจะต้องเช็คพฤติกรรมของแม่ข่ายว่ามีเจตนาในการหลอกลวงหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบก็มีแม่ข่ายหลายประเภท เช่น รับเงินจากลูกข่ายมาแล้วเก็บไว้เองไม่โอนต่อ และแม่ข่ายอ้างว่าเป็นเครือข่ายแม่มณี ส่วนจะมีดารานักแสดง และ เซเลปเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ขณะนี้พบว่ายังเป็นเพียงการแอบอ้างชื่อเท่านั้น
