อัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง ‘พิชัย นริพทะพันธุ์’ อดีตรมว.พลังงาน โพสต์ปกนิตยสารไทม์

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 3 ธันวาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 นัดฟังคำสั่งในคดีที่พนักงานสอบสวน กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้นำสำนวนการสอบสวนพร้อมพยานหลักฐานและความเห็นควรสั่งฟ้องนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และอดีต รมว.พลังงาน ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ต้องหาคดีผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

กรณีเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 นายพิชัยโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊ก ในการร่วมวงเสวนาของคณะกรรมการวีรชน พฤษภา 35 ในประเด็นเศรษฐกิจ การปราบทุจริตคอร์รัปชั่นในยุค คสช.และพลังดูด 4.0 กับโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.บนนิตยสาร TIME (ไทม์) กับลงข้อความห้ามจำหน่ายในประเทศไทย

โดยการนัดฟังคำสั่งในวันนี้ เป็นการนัดฟังคำสั่งความเห็นของ ผบ.ตร.ที่ส่งมา เนื่องจากก่อนหน้านี้คดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาได้สรุปสำนวนคดีเเล้วมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพิชัย ซึ่งตามขั้นตอนกฎหมายจะต้องส่งไปให้ ผบ.ตร.ทำความเห็นว่าจะเห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการหรือไม่ ถ้าหาก ผบ.ตร.เห็นเเย้งต้องส่งอัยการสูงสุดชี้ขาด

โดยในวันนี้ นายพิชัยเดินทางมาพร้อมด้วยนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความนายพิชัย

Advertisement

ภายหลังฟังคำสั่ง นายนรินท์พงศ์กล่าวว่า ทาง ผบ.ตร.มีความเห็นด้วยกับพนักงานอัยการไม่มีความเห็นแย้งแต่อย่างใด อัยการจึงมีคำสั่งเด็ดขาดว่านายพิชัยไม่มีความผิดตามข้อหาดังกล่าว เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปในวันที่นายพิชัยได้โพสต์ถึงประเด็นการดูด ส.ส.ก่อนการเลือกตั้ง โดย คสช.มอบหมายให้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ (ยศขณะนั้น) แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กระทั่งนายพิชัยได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานสอบสวนว่าไม่ได้กระทำขัดต่อกฎหมายตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่พนักงานสอบสวนยังฝืนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ ซึ่งการโพสต์ในครั้งนั้นเป็นการนำเนื้อหาการวิเคราะห์เศรษฐกิจของสื่อต่างประเทศมาให้ประชาชนได้รับฟัง แต่นายพิชัยกลับมาถูกดำเนินคดีเรื่องความมั่นคงต่อรัฐ ซึ่งนายพิชัยไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้มาตลอด เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นพนักงานอัยการ พนักงานอัยการพิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง กระทั่งวันนี้ตำรวจมีความเห็นด้วยจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนายพิชัย ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงต่อประเทศ เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 คดีจึงยุติ ซึ่งเรื่องนี้จะได้สรุปความเห็นของพนักงานอัยการและ ผบ.ตร.เสนอต่อกรรมาธิการที่ดูแลเรื่องการใช้อำนาจ คสช.ตามมาตรา 44 ที่กำลังจะเกิดขึ้นว่ามีการใช้อำนาจต่างๆ อย่างฟุ่มเฟือยแล้วก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนหรือไม่

นายพิชัยกล่าวว่า ขอขอบคุณพนักงานอัยการที่สั่งไม่ฟ้องตน ที่จริงเรื่องนี้ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่แรก เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐบาลและ คสช.ต้องการที่จะปิดปากตน ไม่อยากให้พูดเรื่องเศรษฐกิจ ได้มีการเรียกตนไปปรับทัศนคติหลายครั้ง การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ยอมฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ปิดกั้นความคิดเห็น สุดท้ายเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทั้งธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟต่างมีความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมาโดยตลอด การที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ บอกว่าเศรษฐกิจมีการขยายต่อเนื่อง 2.4% เศรษฐกิจยังดีอยู่นั้น ตนคิดว่าหากคิดเช่นนี้เท่ากับไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแล้ว เรียกว่าหมดสภาพ จึงไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเอานายสมคิดไว้ทำไม ทั้งที่ปัจจุบันกระทรวงการคลังมีนายอุตตม สาวนายน เป็นเจ้ากระทรวงอยู่แล้ว ที่ผ่านมา 5 ปี นายสมคิดไม่ได้รับผิดชอบ โยนความเสียหายที่เกิดขึ้นให้ พล.อ.ประยุทธ์รับผิดชอบเพียงคนเดียว การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้วยการแจกจ่ายเงินเพียงอย่างเดียวนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เศรษฐกิจจะฟื้นขึ้นไม่ได้ ตนเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรา 44 และยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ ที่เกิดจากกรอบความคิดของรัฐบาลที่ไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ส่วนในเรื่องการดำเนินคดีกลับ พล.ต.บุรินทร์ได้อยู่ระหว่างพิจารณา เพื่อรวบรวมผู้เสียหายหลายคนที่ถูกกลั่นแกล้งเข้ามาร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.บุรินทร์ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ที่ผ่านมาตนได้รับผลกระทบเมื่อเวลาจะเดินทางไปต่างประเทศต้องขอวีซ่ากลับถูกปฏิเสธ เนื่องจากมีคดีติดตัวทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด จึงหารือกับทีมทนายความในการฟ้องกลับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image