ครอบครัวอาม่าฮวยเปิดแถลงหลักฐานชัด ยันลูกสาวปลอมเอกสารเบิกถอนเงิน

กรณีนางฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 82 ปี ร้องเรียนทางสื่อว่าถูกนางมาวดี ศรีวิรัตน์ อายุ 53 ปี บุตรสาวแท้ๆ ทยอยถอนเงินในบัญชีกว่า 253 ล้านบาท และถ่ายโอนทรัพย์สินอื่นๆ ขณะอาม่าฮวยนอนพักฟื้นรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาล โดยมีพนักงานแบงก์รวม 4 ราย คอยให้การสนับสนุน พร้อมทั้งปลอมหนังสือมอบอำนาจเพื่อนำไปถอนเงิน กระทั่งพนักงานอัยการ ศาลอาญาพระโขนง ได้ฟ้องคดีบุตรสาวและพนักงานแบงก์ทั้ง 4 ราย ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์, ปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม

ความคืบหน้าเวลา 10.10 น.วันที่ 9 ธันวาคม ที่โรงงานภายในซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมนางฮวย หรืออาม่าฮวย และนายมานพ ลูกชาย น.ส.มินตรา หรือใบเตย ศรีวิรัตน์ หลานสาว และครอบครัว ร่วมกันชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงหลักฐานสำคัญในคดีการฟ้องร้องนางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาวคนที่สอง กรณีเปลี่ยนแปลงสิทธิการเบิกถอนเงินในบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต

นายอนันต์ชัยกล่าวว่า นางมาวดีและทนายความอ้างว่าลูกสะใภ้และหลานเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ซึ่งข้อเท็จจริงทางครอบครัวมีหลักฐานชัดเจนว่านางมาวดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยมีเอกสารการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข การเบิกถอนเงิน การเปลี่ยนเงื่อนไขจากการลงลายมือชื่อ เป็นการปั๊มลายนิ้วมือ โดยใช้หลักฐานเอกสารใบรับรองแพทย์ ระบุว่าอาม่าฮวยได้เข้ารับการรักษาอาการหลอดลมติดเชื้อ ไม่สามารถสื่อสารได้เนื่องจากเจาะคอ และไม่มีเรี่ยวแรงเซ็นเอกสารได้ เพื่อนำไปเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการลงนามเบิกจ่ายเงินแบบผิดปกติ และประเด็นนี้ขัดแย้งกับความจริงที่ว่า นางฮวยสามารถเขียนชื่อตัวเองได้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้การปั๊มลายนิ้วมือเพื่อเบิกถอนเงิน ทั้งยังพบหลักฐานบัญชีธนาคารและการซื้อกองทุนจำนวนหลายบัญชีในชื่อของนางมาวดี โดยในจำนวนเหล่านี้พบมีเส้นทางการโอนเงินมากถึงหลัก 100 กว่าล้านบาท ซึ่งขัดแย้งกับรายรับของนางมาวดีที่มีเงินเดือนละประมาณ 20,000 บาท แต่รายการเงินเข้าบัญชีและมูลค่ากองทุนมากถึงประมาณ 300 ล้านบาท

ส่วนภรรยานายมานพ ลูกสะใภ้ของนางฮวย ที่ถูกพาดพิงว่าอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ปฏิเสธว่า ตัวเองไม่เคยเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินมรดก หรือยุยงครอบครัวนางฮวย เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของครอบครัวสามี

Advertisement

ด้าน น.ส.มินตรากล่าวว่า กรณีนางมาวดีกล่าวหาว่าตนปลอมลายเซ็นนั้น ทางครอบครัวมีหลักฐานที่อาม่าฮวยเซ็นเอกสารต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ปี 2560 เป็นคลิปวิดีโอทั้งหมด เพราะปัจจุบันไม่สามารถเขียนหนังสือได้แล้ว

ส่วนกรณีนางมาวดีอ้างว่าไม่ได้มีเงินในบัญชี 250 ล้านตามที่ถูกฟ้องร้อง โดยได้ปิดบัญชีและแบ่งเงินกับนายมานพ พี่ชาย คนละ 30 ล้านบาท ส่วนที่เหลือได้คืนอาม่าฮวยเป็นค่ารักษาตัวนั้น นายมานพยืนยันว่า ตนไม่เคยทราบจำนวนเงินและจำนวนบัญชีของอาม่าฮวยแต่อย่างใด ยอมรับว่าเคยได้รับเงิน 30 ล้านบาทจริง ซึ่งเงินส่วนนี้อาม่ารับรู้และเป็นคนระบุให้ตนนำไปเป็นทุนทำธุรกิจ

ทั้งนี้ อาม่าฮวยได้ยกมือขึ้นเพื่อยืนยันว่าการฟ้องร้องคดีความกับนางมาวดีลูกสาวตนเอง ทั้งหมดนี้เป็นความความประสงค์ของตนเอง ไม่มีคนในครอบครัวชักจูง

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image