กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายสมคิด พุ่มพวง อายุ 55 ปี ฆาตกรต่อเนื่อง ที่เพิ่งพ้นโทษออกมาก่อเหตุฆ่านางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี เสียชีวิตเป็นรายที่ 6 ภายในบ้านพักเลขที่293 หมู่19 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะกำลังนั่งโดยสารไฟผ่านมาในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก่อนให้การรับสารภาพว่าพลั้งมือฆ่าผู้ตายเพราะบันดาลโทสะ หลังมีปากเสียงกันนั้น
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. เปิดเผยว่า แม้นายสมคิด จะให้การรับสารภาพว่าสาเหตุที่ฆ่าผู้ตายนั้นเป็นเพราะบันดาลโทสะ ไม่ได้เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรอง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ และคาดว่าก่อนลงมือก่อเหตุนายสมคิด น่าจะวางแผนเตรียมการมาก่อนที่จะลงมือ เนื่องจากแนวทางสืบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุประมาณวันที่ 12 ธ.ค. นายสมคิด ได้นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปจอดทิ้งไว้ที่ รพ.ขอนแก่น โดยอ้างกับผู้ตายว่านำรถไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น เมื่อตรวจสอบสภาพรถก็พบว่าไม่ได้ถูกซ่อมแซมแต่อย่างใด เชื่อว่าน่าจะนำไปจอดเพื่อเตรียมใช้เป็นยานพาหนะหลบหนี กระทั่งก่อเหตุเสร็จนายสมคิด ก็มุ่งตรงไปยัง รพ.ขอนแก่น เพื่อไปเอารถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปยังพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อต่อรถไฟไปพื้นที่อื่น ซึ่งการที่นายสมคิด เลือกที่จะหลบหนีไปขึ้นรถไฟที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อหลบหนีต่อไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นนั้น เนื่องจากนายสมคิด มีความคุ้นเคยเส้นทางต่างๆ ใน จ.บุรีรัมย์ เพราะเคยก่อเหตุในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อนเมื่อปี 2548
พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวต่อว่า ขณะเจ้าหน้าที่จับกุมนายสมคิด ได้ตรวจค้นตัวพบโทรศัพท์มือถืออีก 4 เครื่อง ส่วนเครื่องที่นายสมคิด ทำตกไว้ในที่เกิดเหตุน่าจะตั้งใจเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ให้ยากต่อการติดตามตัว ทั้งนี้ สำหรับกระแสที่ว่านายสมคิด เตรียมการที่จะไปก่อเหตุกับเหยื่อผู้หญิงใหม่อีกราย หลังพบข้อมูลการโทรศัพท์ติดต่อนัดเจอกับหญิงคนดังกล่าวจากโทรศัพท์ที่นายสมคิด ทิ้งในที่เกิดเหตุนั้น ไม่น่าจะเป็นความจริง เนื่องจากการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวพบว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของแฟนสาวนายสมคิด ที่ จ.ชัยภูมิ ที่คบหากันมานานเกือบครึ่งปี หลังจากพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ โดยนายสมคิด กับแฟนสาวรายนี้ เพิ่งเริ่มคบหากันตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังไปพบเจอกันในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่ จ.นครราชสีมา ผ่านการแนะนำของหญิงสาวอีกรายที่นายสมคิด เคยไปทำทีตีสนิทซึ่งเป็นเพื่อนของแฟนนายสมคิด
ทั้งนี้ ระหว่างที่นายสมคิด ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับแฟนสาวรายนี้ ก็แอบติดต่อกับนางรัศมี ผู้ตาย ผ่านทางเฟซบุ๊ก ก่อนจะออกอุบายหลอกแฟนว่าจะไปทำงานด้านกฎหมายในพื้นที่ภาคอีสาน พร้อมกับขี่รถจักรยานยนต์ของแฟน ออกมาจากบ้านพักในพื้นที่ จ.ระยอง มุ่งหน้ามา จ.ขอนแก่น เพื่อมาหานางรัศมี ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบว่า นายสมคิดได้นำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปจอดทิ้งไว้ที่ใด
รายงานข่าวแจ้งว่า หลักฐานสำคัญที่ทำให้เชื่อว่าการก่อเหตุของนายสมคิด น่าจะเตรียมการมาก่อนนั้น เนื่องจากการสืบสวนพบว่า นายสมคิด ได้วางแผนหลอกให้ นางรัศมี ดาวน์รถยนต์ให้ โดยทำทีเป็นพ่อบุญทุ่ม รักจริงหวังแต่ง ก่อนออกอุบายว่าจะแต่งงานด้วย ทำทีติดต่อจองโรงแรมในพื้นที่เพื่อเตรียมจัดงานแต่งและเป็นห้องรับรองให้กับญาติผู้ใหญ่ เมื่อนางรัศมีเริ่มตายใจ นายสมคิดก็พาไปออกรถให้ที่โชว์รูมแห่งหนึ่ง แต่อ้างว่าตนเองติดแบล็คลิสต์บัตรเครดิต ไม่สามารถออกรถได้ จึงให้นางรัศมี จองรถและดำเนินการทำธุรกรรมการซื้อรถแทน ทั้งที่นายสมคิด ไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ไม่มีบัญชีการเงิน ซึ่งไม่สามารถทำเรื่องดาวน์ซื้อรถได้ และเมื่อทราบว่านางรัศมี มีโอกาสซื้อรถได้น้อยนิด จึงเริ่มตีตัวออกห่าง และเตรียมที่จะเดินทางกลับไปหาแฟนสาวที่คบหาแต่แรก ทำให้นางรัศมี ไม่ยอม จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว
