มูลนิธิผสานวัฒนธรรมยื่นอัยการไม่อุทธรณ์คดีชาวกะเหรี่ยงหมิ่น”ชัยวัฒน์”หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมยื่นขออัยการไม่ยื่นอุทธรณ์คดีชาวกะเหรี่ยงหมิ่น”ชัยวัฒน์”หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง ชี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 ม.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม, นายปรีดา นาคผิว ทนายความ และนายวุฒิ บุญเลิศ นักวิชาการด้านชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เข้ายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อขอให้พนักงานอัยการพิจารณาไม่ยื่นอุทธรณ์คดีที่นายวุฒิ บุญเลิศ ถูกฟ้องดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยมีนายกฤษฎา กสานติกุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ เป็นผู้แทนรับเรื่อง

คดีนี้มาจากกรณีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แจ้งความเอาผิดนายวุฒิในข้อหาหมิ่นประมาท จากการที่นายวุฒิแชร์ข้อความในเฟซบุ๊กเรียกร้องให้ตรวจสอบไร่ชัยราชพฤกษ์ ซึ่งอยู่ในเขตป่า โดยมีชื่อของนายไพโรจน์ ลิ้มลิขิตอักษร พี่ชายของนายชัยวัฒน์เป็นผู้ครอบครอง ต่อมาศาลจังหวัดมีนบุรีพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2562 โดยศาลเห็นว่า ข้อความที่มีการโพสต์ตามที่นายชัยวัฒน์กล่าวอ้างตามคำฟ้อง ไม่ได้กล่าวถึงหรือมีพยานหลักฐานใดที่จะทำให้วิญญูชนหรือประชาชนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ว่าเป็นการกล่าวถึงนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หรือเข้าใจได้ว่านายไพโรจน์ ลิ้มลิขิตอักษร ซึ่งมีชื่อเป็นผู้ครอบครองตามโพสต์ข้างต้น เป็นผู้ถือครองที่ดินแทนนายชัยวัฒน์ และเมื่อพิจารณาเนื้อหาตามโพสต์แล้ว ผู้โพสต์มุ่งหมายเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจสอบการครอบครองไร่ชัยราชพฤกษ์ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงไม่ถือว่าเป็นข้อความที่หมิ่นประมาทตามฟ้อง

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นายวุฒิเป็นแกนนำชาวกะเหรี่ยงที่ร้องเรียนกรณีปู่คออี้ถูกเผาบ้านและบิลลี่หายตัวไป ซึ่งพาดพิงกับนายชัยวัฒน์ อาจเป็นสาเหตุให้มีความโกรธเคือง จึงมีการแจ้งความนายวุฒิที่แชร์ข้อความเรื่องชัยราชพฤกษ์ต้องมีการตรวจสอบว่าได้ที่ดินมาถูกต้องหรือไม่ อยู่ระหว่างกำลังตรวจสอบ ส่วนศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วไม่หมิ่นประมาท จึงมายื่นอัยการสูงสุดไม่อุทธรณ์เรื่องนี้ อัยการสูงสุดต้องไม่เป็นเครื่องมือใคร ไม่นำกฎหมายมาปิดปากนักต่อสู้เพื่อสังคม เพื่อสิทธิมนุษยชน

Advertisement

ด้าน นายวุฒิ กล่าวว่า เราต้องดูแลทรัพยากรของชาติ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กรณีไร่ชัยราชพฤกษ์ ขอให้ราชการเข้าไปตรวจสอบเพราะอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ถ้าตรวจสอบแล้วถูกต้องก็เป็นความชอบธรรมของผู้อยู่อาศัย ถ้าไม่ถูกต้องก็ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ต้องการให้สังคมตรวจสอบ ไม่ได้มุ่งร้ายหรือใส่ร้ายใคร แชร์ข้อความมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้อ้างชื่อใคร เป็นเรื่องขอให้ราชการตรวจสอบ และสื่อก็ตรวจสอบ ตนเป็น 1 กรณีตัวอย่างที่สังคมได้ยินได้ฟัง แต่มีกรณีอื่นอีกเยอะ คดีแบบนี้อาจจะเสียเวลา ไม่เกิดประโยชน์ ไม่สร้างสรรค์ต่อสังคม

ส่วน นายกฤษฎา อัยการผู้เชี่ยวชาญ กล่าวหลังรับเรื่องว่า หลังจากนี้จะนำหนังสือยื่นแก่อัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาตามกระบวนการ ยืนยันว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image