รายงานข่าวจากชุดสอบสอนแจ้งว่าการจับกุมนายประสิทธิชัย เขาแก้ว ผู้อำนวยการ ร.ร.แห่งหนึ่ง จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาชิงทองกลางห้างลพบุรีฆ่าคนตาย 3 ศพ และบาดเจ็บ 4 คนนั้น ตำรวจเริ่มต้นแกะรอยจากอาวุธปืน รุ่น CZ-75 SP 01 ยี่ห้อที่คนร้ายใช้มีราคาสูง และมีผู้ครอบครองจำนวนน้อย จึงสามารถพอจำกัดวงแคบได้ แต่ก็ยังไม่สามารถชี้ได้ว่าเป้าหมายเป็นใครและปืนที่คนร้ายใช้ก็ไม่ได้อยู่ในวงจำกัดของจำนวนปืน 13 กระบอกที่ตำรวจเข้าตรวจค้นตำรวจจึงแกะรอยเพิ่มเติมจากลำกล้องเก็บเสียงของปืน ที่ชุดสืบสวนที่พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานแวดล้อม จนไปเจอพยานหลักฐานชิ้นสำคัญคือลำกล้องเก็บเสียง ที่มีผู้สั่งซื้อมาจากโรงกลึงแห่งหนึ่งที่ จ.สมุทรสาคร ทางอินเตอร์เน็ต ส่งมาที่ จ.ลพบุรี เพียง 3 ชิ้นเท่านั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวเจ้าของโรงกลึงมาสอบสวน จนทราบรายชื่อของผู้ที่สั่งซื้อในห้วงเวลาใกล้เคียงก่อนเกิดเหตุ เมื่อทราบชื่อของผู้ที่ซื้อ โดยหนึ่งในนั้นคือนายประสิทธิชัย เขาแก้ว จึงได้ไปตรวจหาปลอกกระสุนตามสนามยิงปืนที่ผู้ต้องหาไปทดลองยิงปืนที่สนามยิงปืนใน จ.ลพบุรี จำนวน 4 แห่ง เมื่อนำมาเทียบเคียงกับปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุมีเกลียวกระสุนตรงกัน รวมทั้งกระสุนที่เก็บในที่เกิดเหตุ และที่ตกบนรถบีเอ็มดับเบิลยูของนายประสิทธิชัย เมื่อนำไปผนวกกับหลักฐานอื่นๆ จึงนำไปสู่การขออนุญาตศาลออกหมายจับนายประสิทธิชัย ผู้ต้องหาไว้ได้
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่าสาเหตุจูงใจที่ทำให้นายประสิทธิชัย ผู้ต้องหา ก่อเหตุในครั้งนี้ ฝ่ายสืบสวนเชื่อว่าหลักๆ มาจากการประสงค์ต่อทรัพย์ เพราะผู้ต้องหาค่อนข้างติดหรู ดูจากรถและข้าวของที่ใช้ รวมถึงผู้ต้องหามีหนี้สินกว่า 2.6 ล้านบาท หักทุนเรือนหุ้น 6 แสนบาท เหลือหนี้ 2 ล้านบาท ทำให้แต่ละเดือนมีเงินไม่พอจ่าย จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว
