เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ห้องประชุมชั้น 4 บก.ปคม.อาคารบี ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม.เปิดเผยภายหลังการประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีการจับขบวนการรับจ้างอุ้มบุญ หลังได้สนธิกำลังกับหลายหน่วยงานเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งคนไทยและชาวจีนไปได้รวม 9 คน เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยหลังจากการสอบสวนผู้ต้องหา และแม่ที่รับอุ้มบุญตลอดทั้งคืน ด้วยพยานหลักฐานที่ยึดได้จากที่บ้านพักทำให้ได้พยานหลักฐานมากพอที่จะสามารถดำเนินการขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 8 คน เป็นชาวต่างชาติ 2 คน และคนไทย 6 คน มีทั้งผู้ที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้า และผู้รับทำอุ้มบุญก่อนผันตัวไปเป็นนายหน้าด้วย ซึ่งกำลังรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ
หลังจากนี้จะส่งให้แม่ที่อุ้มบุญที่ควบคุมตัวมาได้ 7 คน โดยส่งไปตรวจร่างกายว่าได้เริ่มตั้งครรภ์กี่คน และยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เพราะอยู่ระหว่างการคัดแยกว่าตกเป็นเหยื่อ หรือผู้กระทำความผิด โดยมีพนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนและกำหนดหลักเกณฑ์ในการสอบสวน หากมีการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการสืบสวนขบวนการนี้ก็อาจจะไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา
ขณะเดียวกันสามารถยึดรถยนต์ได้ 14 คัน เอกสารทางการเงิน การรักษาพยาบาลต่างๆ รวมทั้งการอายัดอสังหาริมทรัพย์ไว้ตรวจสอบร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.และหากพบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย จะดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป
สำหรับธุรกิจของผู้ต้องหานายทุนรายใหญ่ชาวจีนนั้นพบว่ามีทั้งการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ และรับปรึกษาผู้มีบุตรยาก ก็กำลังตรวจสอบว่าเปิดธุรกิจทำอย่างถูกต้องหรือไม่ แต่มีบางส่วนพบว่ามีการใช้ชื่อของคนขับรถมาเป็นส่วนหนึ่งในบริษัทด้วย ซึ่งผู้ต้องหาที่จับได้มาบางส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม และจะคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผู้ต้องหาผลัดแรก ระหว่างรอการสอบสวน
โดยในวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ช่วงบ่าย จะเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมประชุมร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งจะพิจารณาว่ามีแพทย์ไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการนี้ด้วยหรือไม่ และเตรียมเสนอให้พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเนื่องจากพบว่ามีการกระทำในลักษณะเช่นนี้ในอีกหลายพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆด้วย
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
