รอง ผบช.สตม.แจง 4 ประเด็น ‘ช่อ’ พาดพิงซักฟอกนอกสภา

กรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกรัฐสภา โดยมีประเด็นที่พาดพิงสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.กล่าวชี้แจงถึงกรณีนายซาเวีย จัสโต (MR.XAVIER  JUSTO) ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ถูกดำเนินคดีและจำคุกในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ โดยมีโทษจำคุก 6 ปี ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือ 3 ปี แต่เมื่อรับโทษเรียบร้อยแล้วกลับถูกเนรเทศ ติดแบล๊กลิสต์ถึง 100 ปี ทั้งที่คดียาเสพติดจะถูกแบล๊กลิสต์เพียง 50 ปี

ว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ตรวจสอบแล้ว พบว่านายซาเวียได้เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยกว่า 30 ครั้ง โดยเดินทางเข้าครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2557 ครั้งสุดท้าย วันที่ 12 มี.ค.2558 ต่อมาถูกดำเนินคดีในข้อหารีดเอาทรัพย์ ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี สตม.ได้บันทึกเป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้เดินทางเข้ามาในไทย และผลักดันส่งกลับออกไป เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2559 ซึ่งกรณีของนายซาเวียเป็นการห้ามเข้าราชอาณาจักรตลอดชีวิต โดยการลงบัญชีบุคคลต้องห้ามดังกล่าว ระบบสารสนเทศ สตม.ถูกออกแบบในช่องบันทึกเป็นตัวเลข 1, 5,10, 20 และ 100 ปี จึงลงบันทึกในช่องสูงสุดคือ 100 ปี ซึ่งปัจจุบัน สตม.กำลังพัฒนาแก้ไขรูปแบบการบันทึกดังกล่าว

พล.ต.ต.สุรพงษ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณี น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่านายโจโล นักธุรกิจชาวมาเลเซีย ถูกทางการสิงคโปร์ขอให้ตำรวจสากลออกหมายแดงติดตามตัว แต่ในบันทึกการเดินทางเข้าออกของไทย นายโจโลสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวเข้าออกได้ถึง 5 ครั้งนั้น จากการตรวจสอบพบว่า นายโจโลเดินทางเข้าออกประเทศไทย รวม 54 ครั้ง โดยครั้งแรกเดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2556 และเดินทางออกครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2561 ซึ่งในระบบสารสนเทศ สตม.ปรากฏข้อมูลหมายจับตำรวจสากลของนายโจโล เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2562 จำนวน 2 หมายจับ เป็นหมายจับของประเทศสิงคโปร์ 1 หมายจับ และหมายจับของประเทศมาเลเซีย 1 หมายจับ ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่นายโจโลเดินทางออกไปจากประเทศไทยครั้งสุดท้ายแล้ว

Advertisement

พล.ต.ต.สุรพงษ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี น.ส.พรรณิการ์ระบุว่านายตังเคงฉี (MR.TANG KENG CHEE) หนึ่งในเครือข่ายของนายโจโล เป็นบุคคลที่ถูกสอบสวนจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา และถูกออกหมายแดงแต่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทยจนวีซ่าหมดอายุ และมาขอต่อวีซ่า ตม.อีก 15 วัน ทั้งที่มีชื่ออยู่ในบัญชีต้องจับตามอง และเดินทางออกจากประเทศได้อย่างไร้ร่องรอย ไม่มีข้อมูลการเดินทางออกจากราชอาณาจักรนั้น จากการตรวจสอบของนายตังเคงฉี เดินทางเข้าออกประเทศไทย รวม 23 ครั้ง ด้วยบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) และได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นพิเศษ (Privilege Entry Visa) อายุวีซ่า 5 ปี โดยครั้งแรกเดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 14 เม.ย.2560 และออกครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2561 แต่ไม่ได้ใช้วีซ่าดังกล่าว โดยใช้สิทธิเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 30 วัน แต่เมื่อครบกำหนด นายตังเคงฉี ไม่ได้เดินทางออกจากประเทศไทย จึงมีความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” พนักงานสอบสวนจึงยื่นคำร้องขอศาลแขวงปทุมวันอนุมัติหมายจับที่ 96/2561 ลง 17 ก.ย.2561 ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมนายตังเคงฉี มาดำเนินคดี

พล.ต.ต.สุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนอีกกรณีที่ น.ส.พรรณิการ์ยังระบุว่า นางลู ไอ ซวอน (MRS. AI SWAN LOO) หรือจัสมินลู ทนายความของนายโจโล มีชื่ออยู่ในข่ายเฝ้าระวังของรอง ผบ.ตร. แต่ยังสามารถเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิในช่องทางปกติได้โดยไม่มีการแจ้งเตือนรอง ผบ.ตร.ตามคำสั่งนั้น จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลการเดินทางเข้าออกประเทศไทยของนางจัสมินลู ไม่ได้ถูกลบรายการ แต่พบว่าได้เดินทางเข้าออกประเทศไทย รวม 68 ครั้ง พบว่าเดินทางเข้ามาครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ส.ค.2556 เข้าครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2561 และเดินทางออกครั้งสุดท้ายเมื่อ 7 ก.ย.2561 แต่หมายจับตำรวจสากลปรากฏในระบบสารสนเทศเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่นางจัสมินลูได้เดินทางออกไปจากประเทศไทยครั้งสุดท้ายแล้ว

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image