‘รณสิทธิ์-ชูวิทย์’ เข้ายื่นร้องก.ต. ตรวจสอบคำพิพากษาศาลชั้นต้น’คดีวิคตอเรียซีเครท’

รณสิทธิ์-ชูวิทย์ เข้ายื่นร้องก.ต. ตรวจสอบคำพิพากษาศาลชั้นต้น’คดีวิคตอเรียซีเครท’ ชี้อาจเป็นเหตุอัยการสั่งไม่ฟ้องอีกคดี ห่วงจะมีคนนำคำวินิจฉัยบางส่วนไปเป็นบรรทัดฐานในคดีอื่นๆต่อ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 มีนาคม ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ และการใช้ความรุนแรงในเด็กและสตรี พร้อมด้วยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักธุรกิจสถานบริการอาบอบนวด เดินทางมายื่นหนังสือร้องต่อคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ขอให้ตรวจสอบคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีสถานบริการวิคตอเรียซีเครท

นายรณสิทธิ์ เปิดเผยก่อนการยื่นเรื่องว่า ตนในฐานะผู้เกี่ยวข้องในคดีสถานบริการวิคตอเรียซีเครทมาตั้งแต่ต้น เรามีข้อห่วงใยในกรณีที่มีคำพิพากษาและคำวินิจฉัยบางส่วนบางตอน อาจจะทำให้เกิดผลกระทบในทางที่ไม่ค่อยจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จึงมีหนังสือร้องกับทางก.ต. ให้ลองพิจารณาตรวจสอบคำพิพากษา คำวินิจฉัยเหล่านั้น ว่าเป็นไปตามหลักความเป็นธรรม ถูกต้องหรือไม่ โดยที่มีข้อร้องเรียนหลักๆ 4 ข้อ รายละเอียดขอเปิดเผยหลังยื่น

นายรณสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาบางคนในคดีว่า การสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาสำคัญในคดี อาจจะเป็นผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงมีอยู่ 2 ราย ต้องเรียนให้เข้าใจว่าทางเราไม่มีเจตนาที่จะบอกว่าคนเหล่านี้คือคนผิด เราแค่ต้องการคำอธิบายว่าทำไมถึงสั่งไม่ฟ้อง ถ้าอธิบายมีเหตุมีผล ก็ยินดีที่จะรับฟัง ตอนนี้เราไม่ทราบเลยเหตุใดถึงสั่งไม่ฟ้อง ต้องเข้าใจว่าผู้กระทำผิดยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ที่ต้องมาสืบทราบข้อเท็จจริงว่ามีความผิดจริงหรือไม่ กลับถูกสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รวบรวมพยานหลักฐาน อัยการสั่งไม่ฟ้อง ขอให้ดีเอสไอทบทวน และกลับความเห็นเป็นสั่งไม่ฟ้อง จบสิ้นไปโดยปริยาย ก่อนหน้านี้เราทวงถามไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี ล่าสุดได้มีคำสั่งให้อัยการสูงสุดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางตนและผู้แทน 13 องค์กร ก็ได้เข้าไปให้ข้อเท็จจริงทางอัยการสูงสุดเรียบร้อยแล้ว

ด้านนายชูวิทย์ เปิดเผยว่า ตนมาให้กำลังใจนายรณสิทธิ์ที่ต่อสู้เรื่องการค้ามนุษย์ ตนคือองคุลีมาลผู้กลับใจ ขั้นตอนต่างๆ ตนรู้หมด ความยุติธรรมมีความน่าสงสัย ถ้าเรื่องการค้ามนุษย์โดยอ้างว่าไม่รู้อายุ ต่อไปจะเป็นบรรทัดฐานให้ทุกคนอ้างไม่รู้อายุเท่าไหร่ มีข้อสงสัยของเครือข่ายและสาธารณชนต่อปัญหาการค้ามนุษย์ ตนจึงมาให้กำลังใจนายรณสิทธิ์ ถึงข้อสงสัย ข้อห่วงใย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่ตนสนับสนุนได้

Advertisement

“ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือพิพากษาเกินคำฟ้อง ทำให้พาดพิงไปถึงจำเลยในอีกคดีหนึ่ง ทำให้จำเลยในอีกคดีหนึ่งดูแล้วบริสุทธิ์ นำเอาคำพิพากษาท้ายฟ้องของอีกคดีหนึ่งไปขอถอนออกหมายจับได้ ซึ่งเป็นเรื่องประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเจอ พูดง่ายๆ คำพิพากษาของคดีหนึ่งพาดพิงไปถึงอีกคดีหนึ่งที่ยังไม่ตัดสิน ทำให้จำเลยในอีกคดีหนึ่งเอามาร้องเพื่อขอถอนออกหมายจับได้” นายชูวิทย์ กล่าว

นายรณสิทธิ์ เปิดเผยหลังการยื่นหนังสือว่า วันนี้เป็นเพียงมายื่นร้องเรียนเท่านั้นและทางศาลได้รับเรื่องไว้แล้ว ขอเรียนให้ทราบก่อนว่าคำวินิจฉัยของศาล เราสามารถวิจารณ์ได้แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมายต้องไม่พาดพิงถึงใคร ทั้งนี้ข้อกังวลทั้งหมด มี 4ข้อ ดังนี้ 1.คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่พิพากษาเกินคำฟ้อง คือผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้นำตัวมาเป็นจำเลยในคดี ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเขาไม่ผิด ซึ่งก็คือ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ นางนิภา วิระเทพสุภรณ์ และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ตนไม่ได้มุ่งเน้นว่าทั้ง 3 คนนี้คือคนผิด แต่อย่างน้อยควรมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายก่อนจะมีคำพิพากษา หรือว่าให้โอกาศทางอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง เพื่อพิสูจน์ความจริง 2.คำพิพากษาที่ยกฟ้องจำเลยทั้งหมดในคดีค้ามนุษย์ ทั้งๆที่มีผู้เสียหายอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่ว่ามีการวินิจฉัยว่าไม่ฟ้องคดีค้ามนุษย์ เพราะว่าจำเลยไม่ทราบอายุที่แท้จริง ทำให้ตนมีข้อกังวลเป็นอย่างสูงว่า คำวินิจฉัยที่ระบุว่าไม่ทราบอายุที่แท้จริงจะมีการนำไปใช้เป็นบรรทัดฐานที่จะต่อสู้คดีอื่นๆต่อไป 3.คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำเลยทั้งหมดในความผิดฐานค้าประเวณี ไม่ใช่ค้ามนุษย์ แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการทำเฉพาะส่วนบุคคล ไม่ใช่เป็นการกระทำผิดที่เชื่อมโยงไปสู่นายกำพล และคนอื่นๆ 4. คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ที่ระบุว่าสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียฯ เป็นสถานที่ที่เปิดถูกต้องตามกฎหมาย เหมือนสถานบริการอาบ อบ นวดอื่นๆที่เปิดทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งตามหลักเปิดถูกต้องจริง แต่มีคำวินิจฉัยเพิ่มเติมต่อว่า ไม่มีการค้าประเวณี และค้ามนุษย์ ซึ่งหากวันนี้ตนไปสถานบริการอาบอบนวดที่ไหน ตนสามารถพิสูจน์ทราบได้ทันทีเลยว่ามีการค้าประเวณีหรือไม่ เรื่องนี้พี่น้องประชาชนชาวไทยเองก็รู้ดีอยู่แล้ว และมีคำวินิจฉัยต่อว่า สถานบริการอาบอบนวด เป็นที่ที่มีคนมาสมัครงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจและประเทศชาติ จุดนี้ตนจึงกังวลว่ารายได้ของประเทศมาจากสถานบริการอาบอบนวดอย่างนั้นหรือ แล้วต่างประเทศจะมองเราอย่างไร คณะกรรมการที่จัดอันดับเทียร์จะมองว่าอย่างไร

“เราไม่ได้มุ่งเน้นที่จะให้ร้ายกับใคร หรือให้คนใดคนหนึ่งเข้าคุก เราเพียงต้องการคำอธิบายที่จะเป็นที่ยอมรับต่อสังคม ไม่ใช่เป็นที่ยอมรับกับคนๆเดียว สากลจะต้องยอมรับได้ด้วย การตัดสินพิจารณาคดีจะต้องเป็นไปตามหลักธรรมความสมดุลระหว่างผู้ต้องหาและจำเลย”

Advertisement

ส่วน นายชูวิทย์ ระบุว่า ขออธิบายสั้นๆให้คนทั่วไปเข้าใจ อุปมาอุปไมยเหมือนกับว่า มีผู้ต้องหา 10 คน แล้ว 7คนตกเป็นจำเลย ศาลพิพากษา 7 คนนี้ ส่วนอีก 3 คนยังหนีนำตัวมาไม่ได้และมีการออกหมายจับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เสร็จในท้ายคำพิพากษามีการพาดพิงไปถึง 3 คนที่เป็นจำเลยและถูกออกหมายจับว่าบริสุทธ์ ไม่เกี่ยวข้อง อัยการจึงนำเอาท้ายคำพิพากษานี้ไปขอถอนออกหมายจับ ทำให้ผู้ต้องหาทั้ง 3คน ที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการศาล หลุด หากมีคนสงสัยว่านี่เพียงคำพิพากษาศาลชั้นต้น ยังมีศาลสูงอยู่อีก ตนขออธิบายว่าก็เมื่อศาลชั้นต้นขอถอนออกหมายจับไปแล้ว กระบวนขอถอนหมายจับสิ้นสุดทำให้จำเลยทั้ง 3 คนนั้นหลุด แต่1ใน3คนนั้น คือนายกำพล ยังมีคดีอาชญากกรรมข้ามชาติอยู่ จ่อจะเซ็นแล้วแต่ยังเซ็นไม่ได้เพราะเรื่องนี้ต้องเข้าสู่อัยการสูงสุด จึงฝากให้สังคมพิจารณา

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image