‘เอกพล’ อ้างอารมณ์ชั่ววูบ ข่มขืนนศ.สาว ในห้องน้ำ เผยประวัติเสพยา – ค้าบริการชายรักชาย

ตำรวจคุมตัวนายเอกพล แซ่เตียว ทำแผนประกอบคำรับสารภาพข่มขืนหญิงสาวในห้องน้ำสาธารณะย่านบางนา

กรณีคนร้ายก่อเหตุข่มขืนนักศึกษาสาว และชิงเอาแหวนทองหนัก 1 สลึง แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดที่ห้องน้ำสาธารณะย่านบางนา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศจับ ออกหมายจับนายเอกพล แซ่เตียว อายุ 31 ปี ชาวจ.บุรีรัมย์ ตามหมายจับของศาลจังหวัดพระโขนง เลขที่ 418/2559 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่นและชิงทรัพย์”นั้น

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 7 กรกฎาคม ที่ห้องน้ำสาธารณะแบบหยอดเหรียญผ่านประตู สี่แยกบางนา แขวงและเขตบางนา กทม. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.5 พ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รองผบก.น.5 พ.ต.อ.อุดม ธุระงาน ผกก.สน.บางนา พ.ต.ท.ภาสกร รัตนปนัดดา รองผกก.สส.สน.บางนา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.บางนา นำตัวนายเอกพล แซ่เตียว อายุ 31 ปี มาชี้จุดเกิดเหตุภายในห้องน้ำที่ต้องหยอดเหรียญเสียค่าบริการครั้งละ 3 เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า คดีนี้คนร้ายแสดงท่าทางสอดคล้องกับคำรับสารภาพและสอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหาย จึงยืนยันว่าตำรวจจับกุมได้ถูกต้อง โดยขอขอบคุณตำรวจที่ทำงานติดตามตลอด 2 สัปดาห์ คดีนี้ต้องรีบจับกุมให้ได้เพราะชาวบ้านอาจหวาดกลัว เรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ สำหรับคนร้ายหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่กับญาติที่ย่านบางนา สำโรงเหนือ และบางซื่อ แล้วออกไปพักโรงแรม ไปอยู่ตามที่สาธารณะ ครั้งสุดท้ายไปอยู่ที่หลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ แถวสนามหลวง เขตพระนคร กทม. เจ้าหน้าที่จับกุมได้ขณะโทรศัพท์ที่ตู้สาธารณะด้านหลังโรงแรมดังกล่าว

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า คนร้ายรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง เดิมมีภูมิลำเนาอยู่ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป จึงต้องตระเวนไปตามที่ต่างๆ ในครั้งนี้มาย่านบางนาและมาเข้าห้องน้ำที่เกิดเหตุได้เห็นเหยื่อมาเข้าห้องน้ำด้วยพอดี จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ส่วนทองที่ชิงมาได้เอาไปจำนำย่านสำโรง จ.สมุทรปราการ ไม่พบประวัติก่อเหตุอาชญากร พบเพียงประวัติยาเสพติดหลายครั้ง เคยถูกจับมา 4 ครั้ง ในคดีครอบครองยาเสพติด ในพื้นที่บางพลี สำโรงเหนือ สำโรงใต้ จ.สมุทรปราการ และในพื้นที่สน.ประเวศ ตั้งแต่ปี 55-57 เคยทำงานขายบริการให้กับกลุ่มนิยมชายรักชาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหาคือข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี ปรับตั้งแต่ 8,000-40,000 บาทและข้อหาชิงทรัพย์มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี

Advertisement

รรท.ผบช.น.กล่าวว่า ตนยังมั่นใจในหลักฐานที่ขณะนี้รอผลการตรวจดีเอ็นเอ อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้ประชาชนหวาดกลัวการใช้ห้องน้ำสาธารณะจึงให้ 250 ป้อมจราจรเป็นโครงการห้องน้ำบริการประชาชน ตำรวจนครบาลเพื่อประชาชน ตนได้สั่งการให้ตู้ยาม ตู้จราจรให้สามารถเข้าห้องน้ำได้ ไม่ต้องเกรงใจตำรวจ เป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้จะทำหนังสือถึงผู้ประกอบการห้องน้ำสาธารณะด้วย เพราะห้องน้ำรวมอาจเป็นเหตุให้เกิดอาชญากรรมเกิดขึ้นได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับบรรยากาศมีประชานชนให้ความสนใจมามุงดูการทำแผนจำนวนมาก ระหว่างการทำแผนได้ตะโกนสาปแช่งอยู่เป็นระยะ ทั้งนี้ตำรวจต้องใช้แผงกั้น และให้คนร้ายสวมเสื้อเกราะอ่อน และหมวกกันน็อคไว้ ใช้เวลาทำแผนประมาณ 30 นาที จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไปที่สน.บางนา เตรียมฝากขังในวัน8 กรกฎาคมต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image