‘ดีเอสไอ’ เร่งรัดคดี FOREX 3D เผย มีผู้เงินโอนลงทุนเข้าบัญชีบริษัทกว่า 8 พันราย เสียหายกว่า 2 พันล้าน

ดีเอสไอ เร่งรัดคดี FOREX 3D ผู้เสียหายกว่า 10,000 ราย-ขยายผลฟอกเงิน เผย มีผู้เงินโอนลงทุนเข้าบัญชีบริษัทกว่า 8 พันราย เสียหายกว่า 2 พันล้าน

ตามที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากการถูกฉ้อโกง ในคดีแชร์ลูกโซ่ คดีแชร์ FOREX 3D จำนวนหลายราย โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำชับให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และทำการยึดอายัดทรัพย์ให้มากที่สุด เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว ให้ได้รับความเป็นธรรมโดยเร็ว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 เมษายน นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ด้านงานปฏิบัติการ ร่วมแถลงข่าวการเร่งรัดดำเนินการ คดีแชร์ลูกโซ่ FOREX 3D โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ที่ 153/2562 ซึ่ง จนถึงขณะนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากกว่า 14,000 ราย และจากการสอบสวนเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก
โดยเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 ได้ดำเนินการจับกุม นายศิษฎ์ธนาฒย์ โพธิ์เงิน ผู้ต้องหาในคดีพิเศษดังกล่าว ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 394/2563 และแจ้งข้อหา ดังนี้ 1.ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 2.ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ 3.ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาดังกล่าว ต่อศาลอาญาในระหว่างการสอบสวน ครั้งที่ 1 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน 2563 โดยเหตุผลสำคัญที่มีการดำเนินคดี

เนื่องจากพบหลักฐานสำคัญว่าบุคคลดังกล่าวเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท มี ดี เพย์ จำกัดและบริษัทดังกล่าว มีการรับโอนเงินจากผู้ลงทุนทั้งหมด เข้าบัญชีบริษัทจำนวน 8,347 ราย มูลค่าความเสียหาย จำนวนกว่า 2,000 ล้านบาท นายศิษฎ์ธนาฒย์ ในฐานะผู้มีอำนาจของบริษัทจึงตกเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ หลังจากนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหานำพยานหลักฐานที่แสดงว่าตนไม่ได้กระทำผิดมาแสดงต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อรวมเข้าสำนวนการสอบสวนและพิจารณามีความเห็นทางคดีต่อไป

Advertisement


อนึ่ง กรณีดังกล่าวอาจเป็นความผิดฐานฟอกเงินมาเกี่ยวข้องกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ดำเนินการอนุมัติแยกเลขคดี เป็นคดีพิเศษที่ 36/2563 อีกส่วนหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะทยอยออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อไป

กรมสอบสวนคดีพิเศษขอให้ประชาชนผู้เสียหายมั่นใจได้ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินการกับผู้กระทำความผิดในคดีมูลฐานหลักตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ตามพยานหลักฐานอย่างเต็มที่ และเนื่องจากเป็นคดีพิเศษที่มีความเสียหายมาก กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และมีผลกระทบกับเศรษฐกิจและสังคม พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะใช้พิจารณาใช้ดุลพินิจเสนอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวด้วยในทุกคดี เพื่อให้การปราบปรามการกระทำความผิดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image