จากกรณีนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พาอดีตสาวใช้ รวมทั้งพ่อแม่สาวใช้ เข้าร้องทุกข์กองปราบปรามให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีถูกนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือหญิงไก่ แจ้งความดำเนินคดีลักทรัพย์ทองแท่งกับเงินสดกว่า 10 ล้านบาท เหตุเกิดท้องที่ สน.ประชาชื่น ต่อมาตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดีกับหญิงไก่ ข้อหาแจ้งความเท็จ พยายามค้ามนุษย์ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ขณะเดียวกันยังพบข้อมูลหญิงไก่เกี่ยวพันการซื้อขายที่ดินมูลค่า 8 ล้านบาท ของนางฉวีวรรณ ตั้งวิริยะกุล เศรษฐินีชาวอุดรธานี หลังเสียชีวิต โดยนายปิติ ตั้งวิริยะกุล อายุ 85 ปี อดีตสามีนางฉวีวรรณและบิดาบุญธรรมหญิงไก่ เข้าให้ปากคำกับ พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3 บก.ป และทีมพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีอาญากรณีลวงเด็กชาวเขาจาก จ.แม่ฮ่องสอน มาทำงานจนเสนอขอหมายจับในข้อหาค้ามนุษย์นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผบช.ก. รรท.ผบก.ป. กล่าวว่า หลังมอบหมายให้พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3 บก.ป.สอบปากคำนายปิติ ตั้งวิริยะกุล อดีตสามีนางฉวีรรณ ตั้งวิริยะกุล หรือ นางฉวีวรรณ สุขากันยา เศรษฐินี ในจ.อุดรธานี พร้อมทั้งให้ตำรวจกก.3บก.ป. ลงพื้นที่จ.สกลนคร และ จ.อุดรธานี สอบปากคำพยานแวดล้อมผู้เกี่ยวข้องและญาติของนางฉวีวรรณ พบว่ามีรายละเอียดบางส่วนไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดิน มูลค่ากว่า 8 ล้านบาทที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อนายปิติได้รับโอนที่ดินดังกล่าวมาจากนางฉวีวรรณ ก่อนที่นายปิติจะให้การว่ามอบอำนาจให้นางไก่นำไปขายต่อและดำเนินการโอนนั้น ต้องตรวจสอบว่าขายให้บุคคลใด โอนให้บุคคลใด ในราคาเท่าใด รายละเอียดส่วนนี้ต้องลงพื้นที่ไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่ดิน เนื่องจากในเอกสารการโอน หรือการซื้อขาย ต้องระบุรายละเอียดข้อมูลไว้ คาดว่าเร็วๆนี้น่าจะมีความชัดเจนขึ้น
พล.ต.ต.ชาญ กล่าวต่อว่า กรณีคดีที่นางไก่ถูกฟ้องล้มละลาย เมื่อปี 2546 นั้น เบื้องต้นสั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่หารายละเอียดอยู่ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. สั่งการให้กก.4 บก.ป. ไปสอบปากคำพ.ต.ท.ชิตชัย แสงอรุณ รอง ผกก.ป.สภ.คลองพิไกร จ.กำแพงเพชร อดีตสามีนางไก่ แล้ว ภายใน1-2 วันนี้น่าจะทราบผล
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากการสอบปากคำนายปิติ รวมทั้งค้นบ้านพักของนายปิติ ภายในซอยบรมราชชนนี 70 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา เป็นบ้านทาวเฮาส์สูง3 ชั้น พบทะเบียนสมรส และสมุดบัญชี 1 เล่ม จากการตรวจสอบพบตัวเลขในบัญชีเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าว อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกี่ยวโยงกันหรือไม่ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายปิติให้การว่า ไม่เคยได้รับเงินจากการขายที่ดิน ที่นางไก่ไปดำเนินการให้แม้แต่บาทเดียว
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ชุดสืบสวนพบความขัดแย้งในคำให้การของนายปิติกับข้อมูลและพยานเอกสารที่ชุดสืบสวนตรวจสอบพบ โดยนายปิติให้การว่านพ.อุดม แพะเจริญชัย เจ้าของคลินิกหมออุดม ที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร แพทย์ผู้รักษานางฉวีวรรณเป็นผู้จัดการทุกอย่าง ทั้งเรื่องการแจ้งตาย การจัดงานฌาปนกิจศพนางฉวีวรรณ ขัดกับข้อมูลที่พบว่านางไก่เป็นผู้ดำเนินการแจ้งตาย และเหตุใดนายปิติจึงไม่แจ้งข่าวการเสียชีวิตของอดีตภรรยาให้กับทางญาติทราบ อีกทั้งประเด็นข้อสงสัยปมที่ดินมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท หลังการเสียชีวิตของนางฉวีวรรณมีการฟ้องร้องกันระหว่างญาติของนางฉวีวรรณและนายปิติ รวมทั้งนางไก่และศาลตัดสินให้ฝั่งนายปิติชนะคดี โดยเจ้าหน้าที่สงสัยว่าเหตุใดจึงต้องรีบขายที่ดินแปลงดังกล่าว ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายปิติ ต้องการสร้างบ้านให้กับนางฉวีวรรณ บนที่ดินผืนนั้น รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างนายปิติและนางไก่ ว่านับถือเป็นพ่อ-ลูกบุญธรรมกันจริงหรือไม่
