‘ศานิตย์’ลั่นประสานทุกหน่วยช่วย’2สาวลาว’สู้คดี’หญิงไก่’แจ้งจับ-วอนกลับมา พร้อมให้ประกัน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เปิดเผยว่า ทราบว่า น.ส.กาบแก้ว ชาวลาว หนึ่งในสาวใช้ที่ถูกนางไก่ แจ้งความเมื่อปี 2554 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ 12 รายการ มูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท ติดต่อมาทางสื่อมวลชนว่ารู้สึกไม่สบายใจ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงไม่กล้าเดินทางมาให้ปากคำในประเทศไทย ประกอบกับมีหมายจับติดตัวอยู่ ตนในฐานะ รรท.ผบช.น. อยากชี้แจงกับ น.ส.กาบแก้วและ น.ส.ธรรมมา ชาวลาว ว่า ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะออกหมายจับ จากการตรวจสอบตนคิดว่าของทั้ง 12 รายการนั้น มูลค่าไม่น่าจะถึง 2.9 ล้านบาท ตามที่นางไก่กล่าวอ้าง

“ฝากถึง น.ส.กาบแก้ว และ น.ส.ธรรมมา ว่าทางประเทศไทย รัฐบาลไทย และกระทรวงยุติธรรมของไทยนั้น จะให้ความมั่นใจ ไม่ต้องกังวลใจ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมเต็มที่ ถ้าไม่มีความผิด จะหาทางช่วยเหลือ คนผิดจะต้องถูกดำเนินคดี คนไม่ผิดหากถูกกลั่นแกล้ง ต้องได้รับความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวเกิดเมื่อปี 2554 พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ส่งสำนวนให้อัยการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอแนะนำให้ผู้เสียหายทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องใด อย่างไร เพื่อที่อัยการสูงสุดสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบสวนเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทรัพย์ หรือพฤติการณ์กลั่นแกล้งชักชวนหญิงสาวมาทำงานที่บ้าน พอหญิงสาวเริ่มจะลาออกหรือตีตัวออกห่าง ก็ไม่พอใจ จึงไปแจ้งความในข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ต้องตรวจสอบว่าพฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือไม่ รวมทั้งข้อเท็จจริงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเดินทางมาทำงานที่ประเทศไทย มาด้วยความเต็มใจหรือถูกหลอกหรือไม่ หรือมาทำงานที่ประเทศไทยแล้ว ถูกกระทำอย่างไร ดูแลอย่างดีหรือไม่ หรือมีพฤติกรรมที่จะกระทำความผิดอย่างอื่นหรือไม่ ถ้าตำรวจได้ข้อมูลเหล่านี้จะให้ความเป็นธรรมกับสาวชาวลาวได้” พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าประเทศไทยมีกระบวนการยุติธรรมสูงสุด และจะดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้าง หรือคุยโวโอ้อวด หรือทำอะไรที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับคนอื่น ซึ่งเสียหายอย่างมาก ทำให้คนดีๆ ต้องมาติดคุก และแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลที่หลงเชื่อ หรือตกเป็นเหยื่อ อยากบอกพี่น้องชาวไทย ชาวลาว หรือบุคคลใดก็ตาม ที่ถูกนางไก่แจ้งความดำเนินคดี หากไม่ได้รับความเป็นธรรม จะช่วยเหลือ ในส่วนของสองสาวที่มีหมายจับนั้น ได้ประสานกับกระทรวงยุติธรรมแล้ว ข้อหาดังกล่าวอัตราโทษจำคุก 5 ปีขึ้นไป หากมีหมายจับ ขอให้มาพบ เพื่อนำตัวส่งให้อัยการ จะมีกระทรวงยุติธรรมช่วยดูแลในเรื่องการประกันตัว จะได้รับการประกันตัวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของอัยการ ไม่ขอก้าวล่วง ทาง น.ส.กาบแก้ว จะได้ไม่ต้องกังวลใจ เมื่อลูกไม่สบายก็สามารถข้ามมารักษาได้อย่างสบายใจ ยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกคน

ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางที่น่าจะช่วยเหลือได้ในขณะนี้มีอะไรบ้าง ถ้า 2 สาวชาวลาวเข้ามาให้ข้อมูล พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า มีสิทธิที่จะร้องขอความเป็นธรรม เพราะสำนวนในคดีนี้ส่งไปให้พนักงานอัยการแล้ว เมื่อสำนวนเสร็จสิ้น อำนาจของพนักงานสอบสวนย่อมหมดสิ้นไป เป็นอำนาจของอัยการที่จะเรียกพยานมาซักถาม สั่งสอบเพิ่มเติมได้ และให้พนักงานอัยการพิจารณาถึงข้อเท็จจริง ว่าในคดีดังกล่าวมีพยานหลักฐาน หรือมีข้อเท็จจริงอย่างอื่นหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เมื่อช่วงที่ น.ส.กาบแก้ว และน.ส.ธรรมมา ออกมาจากบ้านของนางไก่นั้น นางไก่ไปแจ้งความทั้ง 2 คนในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ทันที โดยที่สาวชาวลาวทั้ง 2 คนไม่เคยมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับสารภาพหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาแต่อย่างใด กระทั่งถูกออกหมายจับดังกล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า เบื้องต้นจะประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ขอให้ เป็นกรณีพิเศษที่จะให้ 2 สาวเข้ามาให้การกับตำรวจหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ถ้าประสานได้ลงตัว และ 2 สาวยอมมาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทางตำรวจจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะฝ่ายยุติธรรมเอง ต้องเตรียมข้อมูลการประกันตัวไว้ แต่บ้านของ 2 สาวอยู่ทางภาคเหนือ ตำรวจและเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมจะไปให้ความสะดวกถึงที่ เมื่อข้ามฝั่งมา จะให้พนักงานสอบสวนไปสอบสวนและประกันตัวถึงที่

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวถึงผลการสอบสวนตำรวจทั้ง 16 นาย ที่เกี่ยวข้องกับคดีนางไก่แจ้งความสาวใช้รวม 9 คดี ว่า ขณะนี้คณะกรรมการมีความเห็นแล้ว แต่พนักงานสอบสวนยังลงชื่อไม่ครบ คาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 16 นาย อย่างไรก็ตาม จะแบ่งเป็นกลุ่ม ได้แก่ พนักงานสอบสวนที่ทำคดี หัวหน้างานสอบสวน ผกก. รอง ผบก. ที่ดูแลงานสอบสวนที่ต้องร่วมรับผิดชอบ คาดว่าพรุ่งนี้ (21ก.ค.) น่าจะชัดเจน เบื้องต้นทราบว่าน่าจะบกพร่องเนื่องจากไม่ได้ตรวจสำนวน ทำให้สำนวนการสอบสวนอ่อนลง อย่างไรก็ดี หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หรือหารายละเอียดต่อ ว่าการบกพร่องดังกล่าวนั้นเป็นการประมาทเลินเล่อ ไม่ตรวจสำนวน หรือจงใจ รู้เห็น กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษ หากเข้าข่ายเช่นนี้จะเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา157 ว่าด้วยเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวน 16 นาย ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบ คนที่รับผิดชอบ ที่ไม่ตรวจสำนวนมีใครบ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า เท่าที่ทราบก็มีกลุ่มหัวหน้างาน หัวหน้าพนักงานสอบสวนระดับสถานี และรอง ผบก.ที่รับผิดชอบงานสอบสวน ในเบื้องต้นจะมีความผิดในคำสั่ง ตร.ที่ 960 และ 419 ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ในเมื่อคำสั่งระบุว่าให้ตรวจสำนวน เพื่อให้ครบถ้วน คือมีหลักฐานครบถ้วน

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ตามขั้นตอนแล้ว ถ้าพบว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ตร.ที่ 960 และ 419 ทาง พล.ต.ท.ศานิตย์ จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า มีการภาคทัณฑ์ ถ้าไม่เกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นเป็นใจ หรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ก็ว่าไปตามวินัย แต่ถ้าทราบว่าทุจริต หรือให้การช่วยเหลือฝ่ายผิด จะมีการดำเนินการฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใน 16 คน มีหน้าที่เป็นร้อยเวรรับแจ้งความ 5-7 คน ส่วนที่เหลือมีหน้าที่กำกับดูแล และตรวจสอบสำนวน การตรวจสอบสำนวนนั้น จะเป็นหน้าที่ของหัวหน้างาน รองผบก.ที่รับผิดชอบหน้าที่นี้เท่านั้น

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวด้วยว่า อยากจะขอฝากพี่น้องประชาชนคนไทย หรือใกล้เคียง ดูข่าว เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ยืนยันว่าจะได้รับความเป็นธรรมแน่นอน ถ้ากรณีดังกล่าวอยู่ในชั้นสอบสวน จะสั่งไม่ฟ้องทันที ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความผิด แต่สำนวนทั้งหมดได้ส่งไปที่อัยการแล้ว ก็ต้องให้อัยการพิจารณาเอง หาก 2 สาวประสานเข้ามาให้การ ทางตำรวจจะประสานอัยการว่าจะนำตัวส่ง และให้อัยการพิจารณาว่าให้ประกัน หรือไม่ให้ประกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image