กรณีพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเตรียมเรียกประชุมพิจารณาแผนชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ซึ่งเข้าข่ายความผิดคดีอาญา ข้อหา “กระทำให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล หลุดพ้นจากการคุมขัง” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ “เป็นผู้ใช้ จ้างวานผู้อื่นกระทำผิด” ที่ พ.ต.ท.บรรยิน มีพฤติกรรมเป็น ผู้ใช้,จ้างวาน มีโทษ 1ใน 3 ของความผิดตามที่นำเสนอข่าวไป
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน มีรายงานความคืบหน้าว่า ภายหลังการประชุมคณะทำงานกองปราบปรามในวันพรุ่งนี้เสร็จสิ้น ก็จะแบ่งงานให้ทีมสืบสวนไปรวบรวมหาพยานหลักฐานต่างๆ มาประกอบการทำคดีเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้มีหลักฐานเส้นทางการเงิน การติดต่อสื่อสารอย่างเบื้องต้นแล้ว ส่วนทีมสอบสวนก็จะเชิญอดีต ส.ส. ที่ นายโจ ลูกน้องของ พ.ต.ท.บรรยิน ไปขอความช่วยเหลือในการหลบหนีแต่ถูกปฏิเสธ รวมถึงทนายความที่ช่วยประกันตัวลูกน้องออกไป เช่นเดียวกับพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์หน้าเพราะคดีเป็นที่สนใจของประชาชน
ทั้งนี้จากการสอบปากคำนายโจ เบื้องต้นระบุว่าปฏิบัติการชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน จะเกิดขึ้นระหว่างที่นั่งรถบนทางด่วนเพื่อมุ่งหน้าไปศาลพระโขนง หากชิงตัวไม่สำเร็จก็ให้ไปลักพาตัวภรรยา ผบ.เรือนจำแทน ซึ่งเมื่อตำรวจกองปราบทราบเรื่องก็ได้รายงานให้ศาลและเรือนจำเตรียมพร้อมมาตรการควบคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้พนักงานสอบสวนก็จะต้องสอบปากคำ พ.ต.ท.บรรยิน ในเรือนจำถึงแผนการชิงตัวดังกล่าวว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน จะให้การอย่างไรก็ได้ เพราะตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว
