เลขา ครป.จี้รัฐบาลสั่งรื้อคดี ‘บอส อยู่วิทยา’ ห่วงเป็นไฟไหม้ฟาง แนะดัน กม.ปฏิรูปตำรวจ

เลขา ครป.จี้รัฐบาลสั่งรื้อคดี ‘บอส อยู่วิทยา’ ห่วงเป็นไฟไหม้ฟาง แนะดัน กม.ปฏิรูปตำรวจ

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ มีการจัดเสวนา ‘บทเรียนคดีบอสกระทิงแดง กับการปฏิรูปกระบวนยุติธรรมอย่างไรเพื่อใม่ให้คนผิดลอยนวล’

ในตอนหนึ่ง นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า คดีนี้นำไปสู่การตั้งคำถามถึงปัญหาในกระบวนการยุติธรรมที่ต้องมีการรื้อปฏิรูปครั้งใหญ่ โดยเฉพาะปัญหาของระบบสืบสวน-สอบสวน และชั้นยศของตำรวจที่ไม่แยกอำนาจสอบสวนออกจากอำนาจสืบสวนจับกุมของตำรวจ ซึ่งนำมาสู่ความสามารถในการออกแบบคดีและแทรกแซงสำนวนสอบสวนได้จากผู้บังคับบัญชา การแก้ปัญหาจึงต้องแยกอำนาจสอบสวนออกจากตำรวจเพื่อคานอำนาจโดยแยกอำนาจสืบสวนจับกุมออกจากกัน ให้อำนาจสอบสวนมีการคานอำนาจกันในตำรวจและอัยการ รวมถึงการปฏิรูประบบชั้นยศและการเลื่อนตำแหน่งโดยระบบอาวุโสและผลงาน

นายเมธากล่าวว่า นอกจากนี้ต้องปฏิรูปอัยการด้วย ไม่ใช่พิจารณาตามสำนวนที่ตำรวจส่งมาให้เท่านั้น ปัจจุบันอัยการสามารถสั่งให้พนักงานสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ หากยังไม่สิ้นสงสัยในพยานหลักฐานประกอบคดีต่างๆ แต่อัยการไทยมักไม่ทำกันเพื่อทำหน้าที่ที่มากกว่าการพิจารณาสำนวน

Advertisement

“ในต่างประเทศ บทบาทพยานมีความสำคัญมากในการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ในสหรัฐอเมริกา อัยการเป็นถึงหัวหน้ากระทรวงยุติธรรมโดยตรง เพื่อดูแลการบังคับใช้กฎหมายส่วนกลางและสำนักงานสอบสวนกลาง แต่ประเทศไทยอัยการไม่มีอำนาจสอบสวนหรือมาร่วมกำกับตรวจสอบการสอบสวนของเจ้าพนักงานแต่อย่างใด ดังนั้น จึงต้องมีการปฏิรูปอัยการและกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบด้วย โดยให้กระทรวงการยุติธรรมของไทยเข้ามามีบทบาทมากขึ้น” นายเมธากล่าว

นายเมธากล่าวว่า รัฐบาลต้องดำเนินการ 4 ข้อดังนี้ก่อนปัญหาจะบานปลายกลายเป็นไฟไหม้ฟางคือ 1.ขอให้รัฐบาลรื้อคดีขึ้นใหม่ โดยสามารถใช้หลักฐานเก่าที่ไม่ปรากฎในสำนวนคดีตั้งเป็นหลักฐานใหม่ในการรื้อฟื้นคดีได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสารเสพติดแปลกปลอมในร่างกายจำเลยที่ให้โรงพยาลยรามาธิบดีตรวจสอบพบถึง 4 สาร ซึ่งได้ถูกถอดออกจากสำนวน

2.ขอให้รัฐบาลตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการ เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีว่าบกพร่องในหน้าที่ กระทำการขัดกับระเบียบกระบวนการ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทุจริตคอร์รัปชั่น รับส่วย หรือประพฤติมิชอบอันทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมหรือไม่

Advertisement

3.ขอให้รัฐบาลแยกอำนาจสอบสวนออกจากอำนาจการสืบสวนจับกุมของตำรวจ เพื่อไม่ให้เกิดระบบตรวจสอบในกระบวนการยุติธรรมโดยมีผู้บังคับบัญชาคนเดียวกันซึ่งทำให้สามารถออกแบบคดีและสำนวนสอบสวนได้ รวมถึงกำหนดความผิดตามกฎหมายไว้สูงสุดหากมีการแทรกแซงคดี นอกจากนี้การสอบสวนทุกคดี ต้องมีการบันทึกภาพและเสียงไว้เป็นหลักฐานสำหรับใช้ในชั้นศาล

4.ขอให้รัฐบาลเร่งผลักดันกฎหมายปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรมที่ค้างอยู่เพื่อปฏิรูปตำรวจ อัยการ ศาลและกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image