กรรมการผู้ช่วยรมต.ร้องสภาทนายพิจารณามรรยาท’ทนายอานนท์’อ้างปราศรัยเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ใช้เวลา 2 สัปดาห์รู้ผล
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 7 สิงหาคม ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถ.พหลโยธิน นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง ได้ยื่นหนังสือถึงว่าที่ ร.ต. ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ เพื่อขอให้สภาทนายความ ดำเนินมรรยาททนายความ กับ นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับและทนายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าข่ายละเมิดข้อบังคับสภาทนายความ กรณีจัดชุมนุมปราศรัยหมิ่นสถาบัน ซึ่งมี นายปัญญา จารุมาศ เลขานุการและกรรมการมรรยาททนายความ และนายเกียรติศักดิ์ เหลืองอังกูร อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายรับหนังสือแทน
นายเกียรติศักดิ์ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย กล่าวว่า ภายหลังรับหนังสือร้องเรียนแล้ว จะได้ส่งเรื่องต่อคณะกรรมการมรรยาททนายความเพื่อพิจารณาการกระทำของผู้ถูกร้องว่า ประพฤติผิดมรรยาททนายความหรือไม่ ทั้งนี้การแสดงออกทางการเมืองนั้น ไม่ได้มีข้อห้าม แต่ถ้าการประพฤติของทนายความนั้นเป็นที่เสื่อมเสีย หรือประพฤติตนทำให้เกิดความเสียหาย ทางคณะกรรมมรรยาททนายความก็จะพิจารณาความผิด และลงโทษตามความร้ายแรงของการกระทำนั้น ซึ่งตามขั้นตอนก็จะต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริง และเปิดโอกาสผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูล ก่อนสรุปความเห็นให้คณะกรรมการมรรยาททนายความพิจารณา และมีคำสั่งเป็นอย่างไร ก็จะเสนอคณะกรรมการบริหารสภาทนายความ เพื่อพิจารณาว่ามีความเห็นพ้องกับคณะกรรมการมรรยาททนายความหรือไม่ หรือจะปรับแก้อย่างไร ส่วนผู้ถูกร้องภายหลังจากคณะกรรมการบริหารสภาทนายความพิจารณาแล้ว ถ้าหากถูกลงโทษก็สามารถอุทธรณ์คำสั่งไปยัง นายกสภาพิเศษแห่งสภาทนายความ คือรมว.ยุติธรรมได้ ถ้าหากมีคำสั่งอย่างไรแล้วไม่พอใจ สามารถฟ้องต่อศาลปกครองได้
นายปัญญา เลขานุการและกรรมการมรรยาททนายความ กล่าวว่า หากเป็นเรื่องเร่งด่วน หลังจากเรารับเรื่องก็จะดำเนินการพิจารณาอย่างรวดเร็ว น่าจะใช้ระยะเวลาพิจารณาไม่เกิน 2 สัปดาห์ ที่สำคัญที่สุดคือ คนที่กระทำผิดมรรยาททนายความ ลงโทษเบาสุดคือ ภาคทัณฑ์ มากกว่านั้นคือ ห้ามเป็นทนายความ 1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี สุดท้ายคือลบชื่อออกจากทนายความ ซึ่งจะหมดสถานภาพการเป็นทนายความ
นายอภิวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ว่า การชุมนุมทางการเมืองสามารถกระทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ซึ่งหากกระทำการฝ่าฝืน ก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย จึงอยากฝากไปยังนักศึกษาว่า ทุกคนมีพ่อแม่ส่งมาให้ศึกษาเล่าเรียน ก็มีความยากลำบาก ขอให้ใช้สติไตร่ตรองให้ดีว่าการที่ถูกชักชวนให้มาเดินขบวนหรือมาชุมนุมนั้น อย่าไปเชื่อบุคคลที่มาหลอกลวงชักชวนให้มาเดินขบวนบนท้องถนน
นายอภิวัฒน์ กล่าวต่อว่า โดยปกติเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะไปพิจารณาตามข้อเท็จจจริงว่าการกระทำของนายอานนท์ เข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 112 รวมทั้งการก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ตามมาตรา 116 และมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ ตามมาตรา 215 หรือไม่ ซึ่งมีการอาศัยช่องทางของกฎหมายออกมากล่าวโจมตี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงมาร้องกล่าวโทษกับทางสภาทนายความ
สำหรับรายละเอียดเอกสารระบุ ว่า ข้าพเจ้าได้มายื่นหนังสือต่อสภาทนายความ พร้อมนำหลักฐานเป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลหรือแฟลชไดรฟ์ (lash drive) จำนวน 1 ชุด เนื่องจากพบว่า นายอานนท์ ทนายความและบุคคลไม่ทราบชื่อ ที่ให้ การสนับสนุนการปราศรัยของนายอานนท์ นำภา ได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และกฎหมายอาญาหลายกรรม หลายความผิด จัดการชุมนุมปราศรัย ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2563 โดยเปิดการปราศรัยหมิ่นประมาท เสียดสี ยุยงปลุกปั่น ก่อให้เกิดความเสียหายและความชิงชังต่อสถาบัน เพื่อหวังผลให้ประเทศเกิดความแตกแยก ความสามัคคี ความวุ่นวาย ปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนขึ้นในบ้านเมือง อันเป็นการประพฤติตนเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ
จึงขอให้นายกสภาทนายความ และคณะกรรมการมรรยาททนายความ ได้โปรดพิจารณาดำเนินคดีมรรยาททนายความกับนายอานนท์ โดยให้มีการสอบสวนมรรยาททนายความ และมีคำสั่งให้ลงโทษผิดมรรยาททนายความตามพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดและตามที่พิจารณาเห็นสมควร เพื่อมิให้กระทบสถาบัน ถูกดูหมิ่นดูแคลน ประเทศชาติเกิดความเสียหาย เกิดความวุ่นวาย ความแตกแยกมากไปกว่านี้ และเพื่อดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงขององค์กรวิชาชีพสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ด่วน! นายอานนท์ นำภา ถูกจับกุมแล้ว ข้อหายุยงปลุกปั่น ตร.นำตัวไปสน.สำราญราษฎร์
