กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวของเธอที่ถูกทำร้าย สาเหตุเกิดจากการจองที่นั่งบนรถตู้ หลังขึ้นรถตู้และเมื่อมาถึงอนุสาวรีย์หญิงคนที่อายุประมาณ 40 ปี ได้จิกหัวพร้อมด่าว่านั้น
สาวโพสต์เหตุการณ์ถูกกระชากหัว หลังอีกฝ่ายไม่จบศึกชิงที่นั่งบนรถตู้สายอนุสาวรีย์ชัยฯอ่าน
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 กันยายน ที่ สน.พญาไท ร.ต.อ.วัลลภ อิสริยสกุลวงศ์ สอบปากคำ น.ส.ปาริชาติ โพธิ์สานันทา อายุ 50 ปี ผู้ก่อเหตุ หลัง น.ส.อัมพิกา หนองอุดม อายุ 30 ปี อาชีพข้าราชการ ผู้เสียหายมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ไว้ว่าขณะโดยสารรถตู้จากฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต มาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วถูกผู้โดยสารหญิงอีกรายต่อว่าและกระชากผมผู้เสียหายจนเป็นคลิปแชร์กันสนั่นโซเชียล เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” และ “ดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า” ก่อนนัดวันไปยื่นฟ้องต่อศาลแขวงดุสิต
ทั้งนี้ ภายหลังผู้ต้องหาและผู้เสียหายเจรจาไกล่เกลี่ยกันเสร็จสิ้น ฝ่ายผู้ต้องหาได้รีบวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างหนีออกไปโดยไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
ต่อมา น.ส.อัมพิกา หนองอุดม ผู้เสียหาย กล่าวว่า ไม่ได้คุยกับคนก่อเหตุเลย เขาไม่มองหน้า หรือขอโทษตนกับสิ่งที่ทำไป หรือแม้แต่แสดงความสำนึกผิด ส่วนเรื่องคดีอาญา ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยจะไปตรวจร่างกายที่ รพ.วิชัยยุทธ เพื่อนำใบรับรองแพทย์มาประกอบการแจ้งความอีกครั้ง ทั้งนี้ตนได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าเสียเวลา ค่าทำขวัญไปแล้ว 5 หมื่นบาท แต่คู่กรณีกล่าวหาว่าการแจ้งความของตนนั้นเกินแก่เหตุ ถามว่าสิ่งที่ตนเรียกร้องนั้นเกินไปหรือไม่เพราะตนก็มีลูกเล็ก หากวันนั้นถูกกระชากตกบันไดเลื่อนเป็นอะไรขึ้นมาจะบาดเจ็บมากกว่านี้หรือไม่ ทั้งนี้ในวันที่ 6 ตุลาคมนี้ ตำรวจจะนัดคู่กรณีส่งฟ้องศาลแขวงดุสิต
น.ส.อัมพิกากล่าวต่อว่า ยืนยันว่าขณะเกิดเหตุตนไม่ได้แสดงอาการยั่วยุแต่อย่างใด เพียงแต่ต่อแถวขึ้นรถตามปกติ โดยตนอยู่คิวต้นๆ คู่กรณีอยู่คนสุดท้าย เนื่องจากตนเป็นคนเวียนหัวง่ายจึงเลือกที่นั่งติดประตู แต่คู่กรณีไม่ยอมจะให้เข้าไปนั่งแถวในสุด ซึ่งตลอดเส้นทางที่นั่งรถมาก็ถูกคู่กรณีด่าทอตลอดเวลา แต่ตนก็ไม่ตอบโต้ จนถึงจุดหมายแล้วลงรถ คู่กรณีก็อาศัยจังหวะที่ตนเผลอ กำลังคุยโทรศัพท์ เดินเข้ามากระชากผมอย่างแรง
