ด.ต.แจ้งความเอาผิดสาว อ้างสนิท’บัวขาว’ ลวงทำพิธีเข้าทีมบอดี้การ์ดค่ายม่วง ก่อนตุ๋นลงทุนซื้อที่ดิน

ดาบตำรวจแจ้งความเอาผิดสาวอ้างตัวเป็นคนสนิทบัวขาว ลวงทำพิธีเข้าทีมบอดี้การ์ดค่ายมวยบัญชาเมฆ ก่อนหลอกลงทุนซื้อที่ดิน

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.) ด.ต.กิตติพันธ์ คูหามณีหิรัญ สภ.เส้าไห้ จ.สระบุรี พร้อมผู้เสียหายร่วม 10 คน แจ้งความกับ ร.ต.อ.ศิริชัย ทองแสง รอง สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ.หลังถูกผู้แอบอ้างว่าเป็นนายหน้าลงทุนที่ดินและสนิทกับบัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยชื่อดังชักชวนไปลงทุนซื้อที่ดินและฝากตัวเข้าเป็นทีมงานของค่ายมวยบัญชาเมฆ

ด.ต.กิตติพันธ์ กล่าวว่า ตนเป็นตำรวจ และได้รู้จักกับดาบตำรวจในสังกัดกองบังคับการสืบสวนภูธรภาค 1 ก่อนจะรู้จักกับ น.ส.จารุวรรณ (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นแฟนของตำรวจนายนี้ ได้ชักชวนให้เป็นทีมงานในค่ายมวยของ บัวขาว บัญชาเมฆ ตั้งแต่ช่วงปี 2562 ก่อนจะนัดหมายมาพบกันที่บ้านของ น.ส.จารุวรรณ ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยเจ้าตัวอ้างเป็นน้องสาวคนสนิทกับบัวขาว มานานถึง 11 ปี เป็นทีมงานของบัวขาวในการทำกิจกรรมต่างๆ กับค่าย และยังอ้างตัวเป็นทีมงานของซินแส นักแสดงหญิงชื่อดังและเจ้าของเครื่องดื่มสุราดัง โดยที่มีคนร่วมทำงานด้วย 13 คน สำหรับงานนี้ จะคัดเลือกให้เป็นบอดี้การ์ด หรือคนงานติดตามบัวขาวไปต่างประเทศแต่มีค่าใช้จ่ายเป็นวีซ่า ค่าตรวจโควิด-19 ค่ายกพานครูตัดกรรมและพิธีล้างตัวตามจังหวัดต่างๆ ตามที่ซินแสกำหนด เช่น จ.เชียงใหม่ จ.อุบลราชธานี จ.หนองคาย และ จ.ตรัง ซึ่งมีค่าพิธีประมาณ 9,999 บาท ต่อคนต่อครั้ง ไม่รวมค่าที่พักและค่าเดินทาง และต้องทำพิธีจนกว่าซินแสจะบอกว่าผ่านจนจะได้เข้าเป็นทีมงาน ซึ่งระหว่างนี้คนร้ายก็ชักชวนให้ลงทุนซื้อที่ดิน โดยคนร้ายยังอ้างตัวเป็นนาหน้ารับ.ท้อที่ดินอีกด้วย

ด.ต.กิตติพันธ์ กล่าวอีกว่า กระทั่งเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้ไปพบบัวขาว ที่ จ.สุรินทร์ ก็สอบถามว่ารู้จักกับคนกลุ่มนี้หรือไม่ ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่รู้จักและไม่มีโครงการซื้อที่ดินแต่อย่างใด หากจะซื้อที่ดินก็จะไปด้วยตัวเองไม่ผ่านนายหน้า อีกทั้งไม่มีการเดินทางออกนอกประเทศด้วย ก็เชื่อว่าถูกหลอก ซึ่งมีผู้เสียหายอื่นๆ อีกรวม 10 คน มูลค่าความเสียหายตั้งแต่ 6,000 บาท ถึงหลักล้านบาท รวมได้กว่า 3 ล้านบาท จึงมาแจ้งความวันนี้

Advertisement

ด้าน พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว ผกก.4 บก.ปอศ.กล่าวว่าเบื้องต้นต้องให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานให้หนาแน่นก่อนพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้จะต้องเรียกสอบปากคำผู้ที่ถูกแอบอ้างมาสอบถามข้อมูลด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image