สภาทนายฯจับมือป.ป.ท. จัดหาทนายความให้ผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นจนท.รัฐกระทำการทุจริตในภาครัฐ

สภาทนายฯจับมือ ป.ป.ท. จัดหาทนายความให้ผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการทุจริตในภาครัฐให้ร่วมรับฟังไต่สวนเสริมสร้างกระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ห้องประชุมชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ว่าที่ ร.ต.ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ ได้จัดแถลงข่าวพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงหรือ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือในการจัดหาทนายความให้กับผู้ถูกกล่าวหาในการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตในภาครัฐ โดยมี พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง ขณะที่มีนายประสาท พงษ์ศิวาภัย ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐและพร้อมด้วยผู้อำนวยการกองปราบปราม การทุจริตในภาครัฐ 1-5 และคณะกรรมการสภาทนายความ ร่วมเป็นสักขีพยาน

ว่าที่ ร.ต.ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ กล่าวว่า สภาทนายความฯมีความตั้งใจและเต็มใจที่จะได้ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของทนายความที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่จะทำให้เป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น โดยเราได้เตรียมทนายความไว้บางส่วนแล้วและจะทำอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ นอกจากนี้แล้วสภาทนายความยังได้จัดหาทนายความให้กับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ รวมทั้งสถานีตำรวจกว่า 150 แห่งทั่วประเทศด้วย อีกทั้งยังมีหลายโครงการที่สภาทนายความฯได้จัดทำขึ้นและจะผลักดันเพื่อให้เป็นประโยชน์กับประชาชน

สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการจัดหาทนายความให้กับผู้ถูกกล่าวหาในการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตในภาครัฐ และเป็นความร่วมมือกันระหว่างทั้งสององค์กร เพื่อเสริมสร้างกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ และให้ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในงานปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปรากฏผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินคดี โดยสภาทนายความจะจัดหาทนายความให้กับสำนักงาน ป.ป.ท. ในส่วนกลาง คือกองปราบปรามกรทุจริตในภาครัฐ 1-5 และส่วนภูมิภาค คือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 1-9 เพื่อร่วมรับฟังข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาในสำนวนคดีไต่สวนข้องเท็จจริงของสำนักงานป.ป.ท.

Advertisement

ด้าน พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กล่าวว่าเป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาการทุจริตเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ที่กระทบเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมทั้งความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน สำนักงาน ป.ป.ท.เราเป็นหน่วยงานภาครัฐมีหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต โดยมีบทบาทหนึ่งคือการวินิจฉัยชี้มูลเจ้าหน้าที่รัฐที่จะทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งขึ้นกับคณะกรรมการ ป.ป.ท. ในส่วนของการชี้มูลผู้กระทำความผิด เรามีเครื่องมือที่สำคัญคือ พ.ร.บ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2551 ได้กำหนดแนวทางในการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาและให้สิทธิผู้ถูกกล่าวหาไว้ว่า สามารถมีทนายความมาร่วมฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงหรือข้อกล่าวหาได้ โดยระเบียบการไต่สวนของป.ป.ท.ต้องมีมาตรฐานและเป็นไปตาม ป.วิอาญา มาตรา 134 ที่กำหนดให้ทุกขั้นตอนต้องมีทนายความมาเกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาเราได้ทำงานร่วมกับสภาทนายความฯมาโดยตลอด ทั้งในการไต่สวนข้อเท็จจริงหรือด้านวิชาการ แต่ปัจจุบันได้ทำบันทึกข้อตกลงทำงานร่วมกันที่จะกำหนดรูปแบบ วิธีการ แนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้การดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมเกิดประสิทธิภาพ

นายประสาท พงษ์ศิวาภัย ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กล่าวว่า การจัดหาทนายความให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นไปตามประมวลวิธีพิจารณากฎหมายอาญา ซึ่งจำเป็นสำหรับคดีที่มีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิต ที่ต้องจัดหาทนายความให้ และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับป.ป.ท.เพราะเมื่อแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ปรากฎว่าทนายความหายากและในต่างจังหวัดก็ไม่ค่อยมีทนายความ แต่เมื่อทำเอ็มโอยูแล้วก็จะเป็นระบบ มีการประสานงานกันทั่วประเทศ ขณะที่ป.ป.ท.ก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หวังว่าการปฏิบัติของทั้งสององค์กรนี้คือสภาทนายความและ ป.ป.ท.จะดำเนินการเคียงคู่กันไปเพื่อผดุงความยุติธรรม มีช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image