เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ธันวาคม ที่ สน.พหลโยธิน นายโชคชัย ใบยพฤกษ์ อายุ 36 ปี ที่นอนประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมตรงเกาะกลางแยกรัชโยธินตัดถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าวิภาวดี เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังนางดวงใจ ภรรยา ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ลูกชายขี่มาแล้วถูกรถประจำทางสาย 39 เฉี่ยวชนท้ายก่อนตัวเองโดนรถทับเสียชีวิตเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาแล้วไม่มีความคืบหน้าทางคดี
นายโชคชัย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองมีอาชีพเป็นช่างไฟฟ้าบริษัทเอกชนแล้วเพิ่งตกงานเพราะพิษโควิด-19 ซึ่งวันเกิดเหตุ ลูกชายขี่รถจักรยานยนต์พาภรรยาไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ห้าแยกลาดพร้าว ขณะเกิดเหตุลูกชายก็ออกมาจากซอยริมถนนพหลโยธิน โดยจอดรถรอดูอยู่หน้าปากซอยแล้วเห็นว่าไม่มีรถ แต่เมื่อขี่ออกมาก็ไม่ทราบอะไรแล้ว รู้ตัวอีกทีก็ถูกรถชนจากข้างหลังแล้วแม่ก็ถูกรถทับเสียชีวิต หลังเกิดเรื่องได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ซึ่งตำรวจก็เรียกพนักงานขับรถคู่กรณีมาสอบสวน
นายโชคชัย กล่าวต่อว่า คู่กรณีได้แจ้งให้ตัวเองดำเนินการเรื่องประกอบพิธีทางศาสนาไปก่อน จึงนำร่างภรรยากลับไปประกอบพิธีที่ จ.ร้อยเอ็ด แล้วคนขับรถก็ไปร่วมพิธีและขอขมาศพพร้อมช่วยเหลือค่าจัดงานให้ แต่แล้วก็เงียบหายไป เมื่อสอบถามความรับผิดชอบกับหน่วยงานต้นสังกัดที่เป็นคู่กรณี แต่ก็ไม่มีการตอบรับ ขณะนี้ตัวเองมีฐานะยากจนไม่รู้จะพึ่งพาใคร จึงตัดสินใจประท้วงขอความเป็นธรรมบริเวณแยกดังกล่าวตั้งแต่ 18.00น.ของเมื่อวาน ทั้งนี้ ตนขอบคุณสื่อและผู้คนบนโลกออนไลน์ที่เห็นใจและช่วยกันทำให้เรื่องนี้แพร่หลายขึ้นด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.วิโรตม์ ผลบุญ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.พหลโยธิน ได้กล่าวกับนายโชคชัยว่า จากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตพบว่าไม่มีประกัน และ พ.ร.บ.คุ้มครอง ทำให้จะไม่ได้รับเงินเยียวยาเบื้องต้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อหาใคร แม้ว่าการตรวจสอบเบื้องต้นจะสันนิษฐานว่าจะเป็นความผิดต่างคนต่างประมาท แต่ก็ยังต้องรอผลชันสูตรพลิกศพจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ คาดว่าภายใน 1 เดือน จะสามารถส่งฟ้องต่อศาลได้ อย่างไรก็ตาม ได้ติดต่อไปยัง ขสมก. คู่กรณีซึ่งจะเข้าเจรจาเพื่อตกลงเงินเยียวยาเบื้องต้นในวันที่ 8 ธันวาคมนี้อีกครั้ง ส่วนนายโชคชัย จะเดินทางกลับไปหาลูกใน จ.ร้อยเอ็ด ก่อนเนื่องในวันพ่อ แล้วจะกลับมาพบคู่กรณีตามนัด โดย ตำรวจ สน.พหลโยธิน จะสนับสนุนค่าเดินทางและค่าอาหารให้
