‘ทนายอานนท์’ โชว์หมาย ม.112 ‘คดีที่ 3’ ชี้คืออาวุธชนชั้นนำ ‘ทำนาย’ ราษฎรจะโต้กลับชนิด ‘ไฟลาม’

‘ทนายอานนท์’ โชว์หมาย ม.112 ‘คดีที่ 3’ ชี้ คืออาวุธชนชั้นนำ ‘ทำนาย’ ราษฎรจะโต้กลับ ชนิด ‘ไฟลาม-ไร้การควบคุม’

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ภาพหมายเรียก มาตรา 112 จาก สภ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นหมายเดียวกับที่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร ได้รับ ทั้งนี้ นับเป็นหมายเรียก มาตรา 112 คดีที่ 3 ของนายอานนท์ และนับเป็นคดีที่ 4 ของ น.ส.ปนัสยา

โดยนายอานนท์ยังได้โพสต์ข้อความ จำนวน 2 โพสต์ มีใจความดังนี้

“คำทำนายของผม จดไว้ข้างฝาบ้านได้ แล้วคอยดูว่ามันจะจริงมั้ย หลังการใช้มาตรา 112 อย่างหนัก รัฐจะเลือกขังคนที่โดน 112 เพื่อไม่ให้มีการเปิดประเด็นอื่นๆ อีก เพราะเท่าที่โดนเปิดแผลมาก็สาหัสแล้ว จากนั้นจะตามคุกคามคนที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ ใช้เจ้าหน้าที่ไปกดดันที่บ้านบ้าง ใช้กฎหมายบ้าง

Advertisement

ต่อมากระแสจะตีกลับ กลายเป็นว่าสิ่งที่เราเปิดแผลไว้ ถูกขยายไปในขบวนทางโซเชียลอย่างรวดเร็ว เกิดขบวนย่อยๆ ลงท้องถนน และถกเถียงเรื่องสถาบันอย่างกว้างขวาง เกิดขบวนปฏิวัติประชาชนขั้นปฐมภูมิ ไฟจะลาม และถึงตอนนั้นรัฐจะปราบปรามอย่างรุนแรง

การยึดอำนาจโดยทหารจะเกิดขึ้น พร้อมการต่อต้านจากประชาชนทุกรูปแบบ เน้นย้ำว่า “ทุกรูปแบบ” ส่งผลให้ชนชั้นนำไทยต้องเดินทางลี้ภัยนอกประเทศ ขนสมบัติเท่าที่จะขนได้ไป และไม่ได้กลับมาเมืองไทยอีกเลย

จากนั้นรัฐไทยจะถูกปกครองด้วยทหารสักระยะ แล้วจะค่อยๆ กลายเป็นรัฐประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ภายใน 5 ปี หลังจากนั้น ถ้าชนชั้นนำไทยเลือกเดินทางนั้น เราจะเหนื่อย จะเจ็บ แต่จะจบอย่างแน่นอน

Advertisement

“ผมกลับคิดว่า การใช้มาตรา 112 ครั้งนี้จะถูกท้าทายกลับด้วยยุทธวิธีแบบปัจเจก ถ้าพูดให้ตื่นเต้นหน่อยก็เรียกว่ายุทธวิธีกองโจร

1.เราอาจได้เห็นงานศิลปะใหม่ๆ ที่ต่อต้านการใช้มาตรา 112 หรืออาจลามไปถึงต่อต้านสถาบันตามที่ต่างๆ และจะกลายเป็นกระแสจนยากจะสกัดกั้นได้

2.เราอาจได้เห็นการตอบโต้ด้วยการทำลายรูปเคารพ หรือสิ่งแทนที่สร้างขึ้นด้วยความมุ่งหมายเช่นว่า

3.เราอาจได้เห็นการตอบโต้ทางธุรกิจต่อหน่วยงาน หรือองค์กรที่สนับสนุนการใช้ 112

4.เราอาจได้เห็นการพลีชีพ หรือการยืนยันหลักการทางกฎหมายของข้าราชการ ที่ไม่สยบยอมต่อคำสั่งเบื้องบน เราอาจได้เห็นตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา สั่งไม่ฟ้อง หรือสั่งเป็นคุณกับฝ่ายราษฎร และแน่นอน ว่าเขาเหล่านั้นจะถูกกลั่นแกล้งและทำร้าย

การตอบโต้ที่จะตีกลับฝ่ายชนชั้นนำไทยจะออกมาในรูปปัจเจกมากขึ้น ไร้การควบคุม

เรากำลังเดินเข้าสู่ความขัดแย้งที่พร้อมแตกหัก ไม่ประนีประนอม อาวุธแรกของชนชั้นนำไทยปล่อยออกมาแล้วคือ 112 จากนี้คือ รอดูการตอบโต้จากราษฎร”

ทั้งนี้ นายอานนท์ และ น.ส.ปนัสยา มีกำหนดการเดินทางไปรายงานตัว ต่อ พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ รอง ผกก. (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรพิษณุโลก ในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 21 ธันวาคมนี้

ขณะที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ระบุผ่านเฟซบุ๊ก เพนกวิน – พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak เมื่อเวลา 15.21 น. ว่า นางแน่งน้อย อัศวกิตติกร อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งจังหวัดพิษณุโลกของพรรครวมพลังประชาชาติไทย แจ้งความมาตรา 112 กับตน ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก โดยให้ไปรายงานตัวตามหมายเรียก ครั้งที่ 1 ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก วันที่ 21 ธันวาคม เวลา 10.00 น.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

โดนอีกหมาย! ตร.สภ.พิษณุโลก เรียกรุ้ง ปนัสยา รายงานตัว ข้อหากระทำผิด ม.112
เพนกวิน โพสต์ชวนไปสภ.นนท์พรุ่งนี้ ร่วมเป็นสักขีพยาน เข้ารับทราบข้อหา112

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image