ผบ.ตร.ยันไม่ถอนหมายจับหนุ่มเชียงใหม่ ยันวงจรปิดมัด มุ่งปม’ประชามติ’ ปัดโยงระเบิดราชประสงค์ปี’58

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิด และเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10-12 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า ขอชี้แจงว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นการก่อวินาศกรรม ไม่ใช่การก่อการร้าย เพราะถ้าเป็นการก่อการร้าย เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นจะต้องมีผู้แสดงตัวว่าเป็นผู้กระทำ หรือแสดงความรับผิดชอบ อย่างที่กลุ่มอัลเคดา หรือ กลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ที่มักจะมีการประกาศความรับผิดชอบหลังก่อเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่มีใครออกมาประกาศตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ เพราะฉะนั้นจากประสบการณ์ที่ได้ทำงานเกี่ยวกับความมั่นคงมายาวนานเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการก่อวินาศกรรม ไม่ใช่ก่อการร้าย

ผบ.ตร.กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้มีความคืบหน้าตามลำดับ เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้น ขณะนี้ตำรวจสามารถต่อจิ๊กซอว์ได้แล้ว แม้จะไม่เห็นทั้งขบวนการ แต่เห็นภาพบางส่วนแล้ว ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งเราจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งขบวนการ ทั้งนี้ หากปรากฏพยานหลักฐานไปถึงใคร ก็จะดำเนินการทั้งหมด ส่วนประเด็นการก่อเหตุที่ตนเคยตั้งไว้ในตอนแรกว่าเกี่ยวข้องกับการลงประชามติ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด การตั้งสมมุติฐานอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามยังไม่ได้ตัดประเด็นอื่นออก ในการสืบสวนเราตั้งไว้หลายประเด็น แต่ประเด็นประชามติเป็นประเด็นที่เราให้น้ำหนักมาตั้งแต่แรก นอกจากนี้ได้มีการวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเทียบเคียงกับคดีระเบิดในกรณีอื่นๆ อาทิเหตุระเบิดที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หรือเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม รวมทั้งเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 แต่อย่างใดทำคดีที่แยกราชประสงค์ด้วยตนเอง ยืนยันได้เลยว่าไม่มีความเชื่อมโยงกัน

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า นอกจากนี้ได้มีการประสานกับตำรวจมาเลเซีย เกี่ยวกับการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง ฮีโร่ ที่ใช้ในการก่อเหตุ เนื่องจากโทรศัพท์รุ่นนี้มีจำหน่ายเฉพาะในประเทศมาเลเซียเท่านั้น แต่ไม่อยากให้ขยายความเรื่องนี้มาก ยอมรับว่าตำรวจมาเลเซียให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตนมีความสนิทสนมกับ ผบ.ตร.มาเลเซีย ประสานงานกันด้วยดีมาตลอด กรณีนี้ทั้งการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการก่อเหตุและการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ที่อาจจะหลบหนีไปกบดานประสานงานไปแล้วทุกด้าน ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องส่งชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบ เพียงแค่รายละเอียดชื่อรุ่นก็รู้แล้วว่า ผลิตหรือจำหน่ายที่ไหน อย่างไร

สำหรับกรณีการจับกุมนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ อายุ 32 ปี ชาว อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ พนักงานบริษัทขุดเจาะน้ำมัน นั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า นายศักรินทร์ถูกเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจควบคุมตัวโดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 อย่างไรก็ตาม นายศักรินทร์ ก็ยังมีสถานะเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งในตอนแรกทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้รวบรวมพยานหลักฐาน อาทิภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ กระทั่งนำไปสู่การขออนุมัติหมายจับนายศักรินทร์ได้ ก็มีการจับกุม นำตัวสอบปากคำ มีการซักถาม ซึ่งก็ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทีมสืบสวน โดยเจ้าตัวสามารถให้การอย่างไรก็ได้ จะยอมรับหรือปฏิเสธก็ได้ทั้งนั้น ไม่ได้ตัดสิทธิเขาแต่อย่างใด ยืนยันว่าตำรวจยังไม่มีการเพิกถอนหมายจับนายศักรินทร์ แต่อย่างใด ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ใช้พยานหลักฐานที่มีในขณะนั้น เสนอศาลออกหมายจับ

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่าตำรวจมีพยานหลักฐานหรือไม่ว่า นายศักรินทร์ เป็นผู้ก่อเหตุตัวจริง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานเจ้าตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ก่อนเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผล ขอเวลาทำงานก่อน เดี๋ยวข้อเท็จจริงก็จะปรากฏ

เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงมีข้อมูลว่านายศักรินทร์เป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์ หรือมีแนวคิดการเมืองอย่างไร ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ก็อยู่ระหว่างสอบสวน นอกจากนี้ควบคุมตัวนายอับดุลเลาะห์ ปาเนาะ ที่ จ.กระบี่ ซึ่งนายอับดุลเลาะห์ หลบหนีคดีจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาหลายปีแล้ว สอบสวนนายอับดุลเลาะห์รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการซักถาม และขยายผล เขาหลบหนีมากจากพื้นที่ตรงนั้น ทราบในเชิงลึกว่าครอบครัวต้องการให้ตัวเขาแยกออกมาจากพื้นที่

เมื่อถามว่าการจับกุมนายอับดุลเลาะห์ ในช่วงนี้ แสดงว่าหลักฐานว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เป็นการจับกุมตามหมายจับในคดีความไม่สงบ ซึ่งตามปกติเมื่อตำรวจพบตัวผู้ต้องหาที่มีหมายจับก็สามารถจับกุมได้ทันที ส่วนเรื่องความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นล่าสุด หรือการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล

Advertisement

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวถึง การออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มเติมว่า ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน หากมีความชัดเจนก็จะสามารถเสนอศาลให้ออกหมายจับได้ ยอมรับขณะนี้ทีมสืบสวนมีข้อมูลของกลุ่มบุคคลที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใครบ้าง และมีจำนวนเท่าใด หากถามว่าวันนี้สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเลยได้หรือไม่ ตอบได้เลยว่าออกได้ แต่ต้องการรวบรวมพยานหลักฐานให้มากขึ้นกว่านี้ ขณะนี้ออกหมายจับนายศักรินทร์คนเดียวเท่านั้น

ส่วนที่มีการแชร์ข้อมูล 10 จุดเสี่ยงใน กทม.ทางโซเชียลมีเดีย พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตรงนี้เป็นข้อมูลที่ตำรวจได้มีการรวบรวมไว้อยู่แล้ว ว่ามีจุดใดบ้างที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ไม่เพียงแต่คดีระเบิดเท่านั้น แม้แต่คดีอาชญากรรมทั่วไป อย่างคดี ลัก วิ่ง ชิง ปล้น เราก็ได้มีการรวบรวมข้อมูลไว้ทั้งหมด ทั้งนี้ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้เพิ่งมาทำ แต่เราทำมาโดยตลอด

ผู้สื่อข่าวถึงที่มีข้อมูลเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นคล้ายกับเหตุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า พูดชัดเจนตั้งแต่แรกว่า การประกอบระเบิดมีความคล้ายคลึงกัน ที่ผ่านมาตนไม่เคยปฏิเสธเรื่องนี้ อย่างเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นล่าสุดที่พบวัตถุพยานเป็นลูกปลายเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีความเชื่อมโยงกัน เพราะอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบระเบิด อย่างสายไฟ แผงวงจรจะไปหาซื้อที่ไหนก็ได้ เหมือนซื้อรองเท้าฟองน้ำ สามารถไปหาซื้อที่ไหนก็ได้ ที่ กทม. หรือภาคใต้ก็สามารถหาซื้อได้ แต่ตัวคนต่างหากที่ต้องตรวจสอบความเชื่อมโยง

ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตำรวจได้ร่วมกับความมั่นคงติดตามด้านการข่าวมาโดยตลอด โดยเฉพาะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่ได้ติดตามเรื่องนี้ จนสามารถลดการลงมือกระทำความผิดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะคดีความมั่นคง ยืนยันตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครอง พยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน ขอให้เชื่อมั่นในศักยภาพของเจ้าหน้าที่ว่าสามารถที่จะดูแลความเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนได้ อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส เพราะทุกคนมีกล้องมือถือหากพบสิ่งผิดปกติก็สามารถถ่ายภาพส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทันที ที่ผ่านมาเราก็ตรวจสอบให้ทั้งหมด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image