เมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยถึงมาตรการกำชับการปฏิบัติข้าราชการตำรวจช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีหนังสือสั่งการกำชับให้มีการดำเนินการเหมือนการแพร่ระบาดครั้งที่ผ่านมา เกี่ยวกับการตรวจวัดไข้ การรักษาระยะห่าง งดเว้นไปพื้นที่สถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่ง บช.น.ร่วมกับทางกรุงเทพมหานคร ตรวจสถานที่เสี่ยงในพื้นที่สถานประกอบการต่างๆ ดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวเมื่อถามถึงกรณีโครงการแจ้งความออนไลน์นั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า เป็นโครงการนำร่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในพื้นที่ 3 สน.ได้แก่ สน.ปทุมวัน สน.บางรัก สน.ลุมพินี ในคดีที่ไม่มีความสลับซับซ้อนหรือไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน คดีที่เราทราบการกระทำความผิดรู้ตัวผู้กระทำความผิดให้มีการนัดหมายกับพนักงานสอบสวนตามเวลาที่ประชาชนสะดวก เพื่อไม่ให้เสียเวลา โดยจะมีพิธีเปิดโครงการพื้นที่แถวสยามสแควร์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คดีคนต่างด้าวเป็นชาวโรฮีนจาติดเชื้อโควิดมาอยู่พักอาศัยในพื้นที่ สน.ดอนเมือง พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ขออนุมัติหมายจับสำหรับผู้ให้ที่พักพิง ส่วนชาวโรฮีจาได้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรค อย่าไรก็ตาม กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนว่ามีการนำพากลุ่มชาวต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาในประเทศได้อย่างไร เป็นกรณีใดบ้าง ใครมีผลประโยชน์ได้เสีย หรือปล่อยปละละเลยก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.กำชับการปฏิบัติให้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดรอบคอบ หากมีใครยุ่งเกี่ยวโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ก็ให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ ส่วนข้อมูลผู้ถูกออกหมายจับนั้น มีคนไทยและคนต่างชาติ เป็นสามีภรรยาเป็นคนให้ที่พักพิง อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีคนในพื้นที่เกี่ยวข้องหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 เปิดเผยกรณีรอง สว.จร.สน.ภาษีเจริญ ติดเชื้อโควิด-19 จากภรรยา ว่า ขณะนี้ให้ตำรวจจำนวน 10 นาย แบ่งเป็น ชั้นประทวน 9 นาย และรอง สว.จร.อีก 1 นาย ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยและร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วยกันที่ตู้จราจรเพชรราชพฤกษ์ กักตัวดูอาการเป็นเวลา 14 วัน พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจหาเชื้อโควิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ ทั้งโรงพักทุกนายจนถึง ผกก.สน. รวมทั้งหมด 140 นาย ว่ามีใครติดเชื้อหรือไม่ และอยู่ระหว่างรอผลตรวจเชื้อ นอกจากนี้มีการฉีดยาฆ่าเชื้อในโรงพักทุกห้องรวมถึงบริเวณรอบโรงพัก ตลอดจนพาหนะรถยนต์ของทางราชการ
