7 วันไม่คืบ ‘โตโต้’ บุก บชน.-ตร. ทวงคดีบึ้มม็อบย่างกุ้ง ชูป้าย ‘ตื่นเถิด ตร.กล้า ปวงประชาจะคุ้มภัย’

7 วันไม่คืบ ‘โตโต้’ บุก บชน.-ตร. ทวงคดีบึ้มม็อบย่างกุ้ง ชูป้าย ‘ตื่นเถิด ตร.กล้า ปวงประชาจะคุ้มภัย’

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 มกราคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ หัวหน้าการ์ดอาสา we volunteer หรือ wevo เดินทางมาติดตามคดีปาระเบิด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่บริเวณกองสลากเก่า ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ

นายปิยรัฐกล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาพบผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 31 ธันวาคม 2563 จากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น บริเวณกองสลากเก่า ซึ่งเป็นพื้นที่ของ สน.ชนะสงคราม เมื่อสักครู่นี้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงผู้กำกับการ สน.ชนะสงคราม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามเต็มที่ในการค้นหา และพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยให้สาธารณชนทราบได้ โดยเบื้องต้น จากการสอบถามยังไม่มีอะไรชัดเจนในเรื่องนี้ โดยตนจึงแจ้งไปว่า ในเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นในเส้นทางสำคัญของประเทศไทย คือถนนราชดำเนิน รวมทั้งมีประชาชนอยู่ในเหตุการณ์นับ 100 คน ตำรวจนับร้อย แล้วปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นเวลา 7 วันกว่าแล้ว ยังไม่มีการตามติด หรือมีความคืบหน้าของคดีนี้ ซึ่งทางผู้กำกับฯได้แจ้งว่าเนื่องจากช่วงนี้เป็นวันหยุด น่าจะติดวันหยุดปีใหม่อยู่ หลายพื้นที่ยังไม่เปิดให้บริการ จะไปขอความร่วมมือก็ไม่ได้รับความสะดวกนัก ส่วนตัวก็เข้าใจเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม ตนยังคิดว่าต้องมีการติดตาม ทวงถามเรื่องนี้ให้มีน้ำหนัก เพราะเชื่อว่าตำรวจไทยเก่ง และสามารถทำได้ทุกเรื่อง ถ้าจะทำ

“ผมจะตามไปต่อที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อยืนยันถึงสิทธิและหน้าที่ของตำรวจว่าควรจะมีสิทธิ และหน้าที่อะไรบ้าง หลังจากนี้ โดยเบื้องต้นไม่ได้สอบถามถึงคดีอื่น แต่ได้มีการทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหลายนาย โดยเฉพาะผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม ว่า เหตุการณ์วันที่ 31 ธันวาคม ที่มีการจับกุมตัวผมนั้น ผมเชื่อว่าน่าจะเกิดจากการที่มีผู้ใหญ่ตัดสินใจ ไม่ได้เป็นคำสั่งของระดับผู้กำกับการ หรือผู้บังคับบัญชาระดับบน ผมเชื่อว่ามีระดับรัฐบาล จึงพยายามทำความเข้าใจกับตำรวจ เพื่อไม่ให้มีการเข้าใจผิดกันว่าวันนี้ผมจะมาเพื่อกลั่นแกล้ง หรือมีอคติกับตำรวจ ซึ่งไม่ใช่ ผมเข้าใจตำรวจมาเพื่อที่จะกอบกู้เกียรติตำรวจกลับคืน ให้มีความเชื่อมั่น ทำความเข้าใจกันแค่นั้น” นายปิยรัฐกล่าว

Advertisement

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่จะเดินทางไป ตร.จะมีการไปยื่นหนังสือ หรือพูดคุย ทวงถามอะไรหรือไม่

นายปิยรัฐกล่าวว่า ความจริงเรามีสัญลักษณ์บางอย่าง ซึ่งจะนำไปแสดงที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีการยื่นจดหมาย ถ้ามีคนมารับ หรือถ้ามีการเรียกเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับระดับ ตร.ก็ยินดีเข้าไปพูดคุย
หลังจากนี้ จะเดินทางไปที่ ตร.ด้วย เพื่อทวงถาม แค่ระเบิดจุดเดียว ไม่สามารถที่จะพูดถึงภาพรวมของตำรวจทั้งหมดได้ แต่ผมอยากให้เป็นจุดเริ่มต้นของกลไกการทำงานของตำรวจไทย โดยเฉพาะในจังหวะนี้ ซึ่งแน่นอนว่าปฏิเสธได้ยากมากว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผลกระทบมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องบ่อน หรือการค้ามนุษย์ เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ เท่านั้น

Advertisement

“ส่วนกรณีเกิดเหตุวุ่นวาย ทราบว่า เกิดจากการไปพ่นสีสเปรย์บริเวณตู้คอนเทนเนอร์ว่า ใครเป็นคนระเบิด อยู่บริเวณลานจอดรถของ สน.ชนะสงคราม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามวิ่งเข้าไปควบคุมตัว มีการฉุดกระชากกันเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ก็พูดคุยทำความเข้าใจ และเสียค่าปรับ พ.ร.บ.ความสะอาด 200-300 บาท แค่นั้นเอง” นายปิยรัฐกล่าว

ต่อมา เวลา 16.28 น. ที่หน้าประตูใหญ่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายปิยรัฐเดินเท้า พร้อมสมาชิกกลุ่มวีโว่จำนวนหนึ่ง ถือป้ายวีโว่ ระบุข้อความ “ตื่นเถิดตำรวจกล้า ปวงประชาจะคุ้มภัย” ให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจอ่าน

นายปิยรัฐกล่าวว่า เราจะมาปลุกจิตสำนึกของตำรวจ ตำรวจไทยต้องกล้าหาญที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรม กับเผด็จการ ต้องกล้าหาญที่จะธำรงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง

นายปิรัฐกล่าวผ่านโทรโข่งต่อว่า ผมโตโต้ ร่วมกับทีมงานอาสาสมัครวีโว่ ตอนนี้เราอยู่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงาน เป็นพื้นที่บัญชาการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คือท่าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมได้ไปดำเนินการที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบในสถานการณ์ เหตุ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่มีระเบิดเกิดขึ้นในช่วงเวลา 23.35 น. จนบัดนี้ เป็นเวลา 7 วันกว่าแล้ว กำลังเข้าวันที่ 8 ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี เราทราบจากเจ้าหน้าที่ว่ามีการพยายามติดตามจากกล้องวงจรปิด และพยายามหาหลักฐาน เท่าที่ตำรวจจะหาได้ในเวลานี้

“เชื่อว่าไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ถ้าไม่ทำ หรือจะทำ ก็เป็นเรื่องเฉพาะของเจ้าหน้าที่ ผมเชื่อว่า กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะต้นน้ำ อย่างตำรวจไทย ยังมีประสิทธิภาพพอที่จะติดตามคนร้าย ที่ประทุษร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยการตั้งใจปาระเบิดชนิดผลิตเอง ที่เรียกว่าไปบ์บอมบ์ เข้ามาในพื้นที่ที่มีประชาชนนับร้อย ผู้สื่อข่าวนับสิบ ที่สำคัญคือ มีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบนับร้อยนาย แต่ก็มีการปล่อยปละละเลย ฉะนั้น วันนี้จึงตั้งใจมาพบกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบถามและติดตามคดี

“ที่สำคัญคือ คดีปาระเบิด ไม่ใช่คดีแรกที่ทวงถาม เราจะติดตามคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกคดีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยหลังจากนี้ เราอาจจะไปพูดถึงคดีที่ตำรวจปล่อยให้มีการเปิดบ่อนการพนัน ว่ามีการรับสินบนหรือไม่ ให้เกิดการลักลอบพาแรงงานต่างชาติเข้ามาโดยผิดกฎหมาย เอาเป็นว่า เวลานี้ ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะต้นน้ำ อย่างกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ วันนี้จะให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียนแจ้งไปยังผู้บัญชาการว่า วีโว่ขอเข้าพบ เพื่อสอบถามความคืบหน้า จะให้เวลาไปเรียน 10 นาที ถ้ายังไม่ได้เข้าไป จะขออนุญาตเปิดจดหมายที่เตรียมมา และอ่านตรงนี้ ซึ่งจะมีข้อความพึงประสงค์หรือไม่ ไม่ทราบ จะฉีกซอง อ่านตรงนี้” นายปิยรัฐกล่าว

ต่อมา ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน เข้าเจรจากับนายปิยรัฐ โดยอนุญาตให้ผู้ติดตามเข้าไปด้วย 1 ราย และมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รอรับเรื่องอยู่ภายใน โดยระหว่างนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ อ่านประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ทีมการ์ดวีโว่ และประชาชนที่ร่วมกิจกรรม เว้นระยะห่างทางสังคม ตามมาตรการป้องกันการแพน่ระบาดของโรคโควิด-19

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image