เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีผู้ชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง กรณีการเดินขบวนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปยังหน้ากองบัญชาการกองทัพบก เมื่อวันที่ 24 มี.ค 2561 หรือคดี “Army57” เพื่อเรียกร้องให้ คสช.ไม่เลื่อนการเลือกตั้ง และยุติการสืบทอดอำนาจ
คดีนี้อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้เข้าร่วมชุมนุม จำนวน 47 คน ใน 3 ข้อหาหลัก ได้แก่ 1.ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป 2.ร่วมกันเป็นผู้ชุมนุมก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชน, เดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมหลัง 18.00 น., ไม่เลิกการชุมนุมภายในระยะเวลาที่ได้แจ้งไว้ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และ 3.เดินขบวนกีดขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ภายหลังระหว่างการพิจารณา จำเลยได้เสียชีวิต 1 เหลือจำเลยในคดีทั้งสิ้น 46 คน
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 ให้ยกฟ้องจำเลย 45 คน ยกเว้น น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด ซึ่งศาลเห็นว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 15 (2), (4) ในฐานะผู้จัดการชุมนุม แต่ไม่สามารถดูแลการชุมนุมให้เลิกภายในเวลาตามที่แจ้งไว้ได้ และไม่สามารถควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เดินบนพื้นผิวการจราจรได้ ให้ลงโทษปรับ 1,000 บาท โดย น.ส.ชลธิชาได้ยื่นอุทธรณ์
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ปรากฏว่าเนื่องจากศาลอุทธรณ์ยังพิจารณาคดีนี้ไม่แล้วเสร็จ จึงให้เลื่อนวันนัดฟังคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 1 เมษายน 2564 เวลา 09.00 น.